ตั้งแต่ต้นปีสถานการณ์โลกทำให้นักลงทุนต้องคิดหนักยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการเแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ทำให้เศรษฐกิจโลกกลายเป็นขาลงอย่างชัดเจน ตลาดเงิน ตลาดทุน และสินทรัพย์ต่างได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า
แม้ว่าตอนนี้สถานการณ์ทั้งหลายเริ่มคลี่คลายลง แต่ตลาดยังมีความผันผวนสูง ฝั่งดอกเบี้ยเงินฝากก็อยู่ในระดับต่ำ ดังนั้นหนึ่งในทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่ไม่อยากลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้นคือ ตราสารหนี้ หลายประเทศหันมากระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการอัดฉีดเงินในตลาดนี้
แต่ตราสารหนี้แบบไหนที่น่าสนใจในช่วงนี้?
ยุคดอกเบี้ยต่ำแต่ตราสารหนี้เอเชียยังไปต่อ บลจ.กสิกรไทย ชี้เม็ดเงินอัดฉีดเพียบ
ช่วงวิกฤตโควิด-19 ส่งผลกระทบกับทุกประเทศ แน่นอนว่ารัฐบาลทุกประเทศต้องหาตัวช่วยเศรษฐกิจกลับมาให้เร็วที่สุด ธนาคารกลางหลายประเทศเลยลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง เพื่อลดต้นทุนในการทำธุรกิจอีกขาหนึ่งเมื่อดอกเบี้ยเงินฝากลดลง ก็เพื่อดึงให้คนนำเงินออกมาใช้มากขึ้น ดังนั้นคนออมเงินก็มีผลตอบแทนน้อยลงไปด้วย หลายคนเลยมองทางเลือกที่มีผลตอบแทนดีกว่าเงินฝากอย่างตราสารหนี้ หรือซื้อผ่านกองทุนตราสารหนี้
บลจ.กสิกรไทย มองว่า ตลาดตราสารหนี้เอเชียเป็นตลาดที่น่าสนใจ อย่างแรกเพราะภูมิภาคเอเชียอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงกว่าภูมิภาคอื่นๆ ขณะเดียวกันประเทศต่างๆ ทยอยออกนโยบายผ่อนคลายทางการเงินมากขึ้น เพื่อผลักดันเศรษฐกิจให้ก้าวไปข้างหน้า และในแง่ของปัจจัยพื้นฐาน บริษัทต่างๆ ในเอเชียยังมีพื้นฐานที่ดี มีการกู้ยืมลดลง ส่งผลให้อัตราการผิดนัดชำระหนี้ต่ำ
ขณะเดียวกันถ้าดูตลาดตราสารหนี้ของเอเชียมีการเติบโตขึ้นเรื่อยๆ มีมูลค่าเกิน 1.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐแล้ว อีกทั้งระดับราคาตราสารหนี้เอเชีย ทั้ง Investment Grade และ High Yield Bond ยังมีความน่าสนใจต่อการเข้าลงทุน
นับเป็นโอกาสในการลงทุน บลจ.กสิกรไทย ออกกองทุน Term Fund Plus ซึ่งเป็นกองทุนตราสารหนี้แบบกำหนดอายุโครงการที่มีความพิเศษกว่ากองทุน Term Fund ทั่วไป ทั้งในแง่ตราสารที่ลงทุนและผลตอบแทนที่คาดหวัง
แล้ว Term Fund กับ Term Fund Plus ต่างกันอย่างไร
ใครที่ยังไม่รู้จักกองทุน Term Fund ของ บลจ.กสิกรไทย ลองมาดูข้อดีกันก่อน โดยข้อดีคือ ผู้ลงทุนจะทราบประมาณการผลตอบแทนภายใต้ระยะเวลาที่กองทุนกำหนดก่อนลงทุนจริง และต้องถือครองหน่วยลงทุนจนครบระยะเวลาที่กำหนด จึงจะได้รับผลตอบแทน โดยจะให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากประจำเล็กน้อย ซึ่งการบริหารจัดการกองทุนจะมาจากทีมผู้จัดการกองทุนของ บลจ.กสิกรไทย
ขณะที่ฝั่งกองทุน Term Fund Plus เป็นการลงทุนผ่านกองทุนหลักต่างประเทศที่บริหารจัดการโดย Invesco Hong Kong Limited เป็น บลจ. ระดับโลกที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการลงทุนในตราสารหนี้ทั่วโลก กองทุนหลักจะกระจายการลงทุนในตราสารหนี้กว่า 80 ตราสาร ซึ่งมากกว่ากองทุน Term Fund ทั่วไป โดยเน้นลงทุนในตราสารหนี้ที่มีความน่าเชื่อถือระดับที่ลงทุนได้ (Investment Grade) ไม่น้อยกว่า 70% ของพอร์ต รวมถึงลงทุนใน High Yield Bond บางส่วน ผ่านกลยุทธ์ Buy & Maintain ที่มุ่งซื้อและถือครองจนครบอายุตราสาร เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้นตามที่ประมาณการไว้ พร้อมติดตามความเสี่ยงอย่างใกล้ชิด
และถ้าเจาะลึกเข้าไปในรูปแบบการลงทุนของกองนี้ จะเน้นลงทุนในตราสารหนี้จีนมากกว่า 50% เพราะมูลค่าน่าสนใจเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ มีปัญหาด้านสภาพคล่องน้อย เนื่องจากรัฐบาลจีนยังใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินอย่างต่อเนื่อง และยังมีอัตราการผิดนัดชำระหนี้ต่ำเมื่อเทียบกับตราสารหนี้สหรัฐฯ ยุโรป หรือแม้แต่ตลาดเกิดใหม่ด้วยกันเอง
โดยระหว่างที่ลงทุน จะไม่สามารถซื้อหน่วยลงทุนเพิ่มหรือขายออกได้จนกว่าจะครบระยะเวลาที่กองทุนกำหนด
เราลองเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างกองทุน Term Fund และ Term Fund Plus ไว้ในตารางนี้
นอกจากนี้ จากการที่กองทุน Term Fund Plus ลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศภายใต้ความเสี่ยงที่ต่ำ จึงเหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่สามารถถือครองหน่วยลงทุน 1 ปีได้ และมองเห็นโอกาสรับผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นจากการลงทุนในต่างประเทศ
ผู้ที่สนใจสามารถดูข้อมูลกองทุนที่เปิดเสนอขายและผลตอบแทนที่คาดหวังของ Term Fund Plus เพิ่มเติมที่ https://bit.ly/2Ztijm1 โดยสามารถซื้อผ่านแอปพลิเคชัน K PLUS และ K-My Funds หรือที่ธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา
หมายเหตุ:
- ผลการดำเนินงานในอดีตมิได้ยืนยันอนาคต
- ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
- สนใจลงทุนและขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า