เทอมสอง สยองขวัญ คือภาพยนตร์สยองขวัญเรื่องล่าสุดจากค่าย สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล ที่ได้ 3 ผู้กำกับรุ่นใหม่อย่าง พลอย-ภัทรภร วีระศักดิ์วงศ์ จากบริษัท Hello Filmmaker, ก๋วยเตี๋ยว-จตุพงศ์ รุ่งเรืองเดชาภัทร์ จากบริษัท มิตรกับภาพ และ ต้น-เอกภณ เศรษฐสุข จากบริษัท กระต่ายตื่นตัว ซึ่งเคยฝากผลงานการกำกับซีรีส์ มิวสิกวิดีโอ และโฆษณามาแล้วมากมาย มารับหน้าที่ถ่ายทอดเรื่องราว 3 ตำนานสุดสยองในรั้วมหาวิทยาลัย
เริ่มต้นด้วย เชียร์ปีสุดท้าย ว่าด้วยเรื่องราวของนักศึกษาปีหนึ่งอย่าง เมษา (มิวสิค-แพรวา สุธรรมพงษ์) และ ต่าย (แคร์-ปาณิสรา ริกุลสุรกาน) สองเพื่อนสนิทที่ต้องมาเข้าร่วมกิจกรรมเชียร์ของคณะ แต่แล้วจู่ๆ เมษาก็ได้ยินและมองเห็นบางอย่างในห้องเชียร์โดยไม่คาดฝัน จึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวสุดสยองที่อาจทำให้ความสัมพันธ์ของเมษาและต่ายต้องเปลี่ยนไป รวมถึงห้องเชียร์รุ่นนี้อาจกลายเป็นรุ่นสุดท้ายของมหาวิทยาลัย
เดอะซี ว่าด้วยเรื่องราวของหอพักคณะแพทยศาสตร์ในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งที่มีตำนานเรื่องเล่าเกี่ยวกับวันสถาปนาฯ โดยในทุกๆ ปี ผีนักศึกษาแพทย์จะกลับมานอนที่เตียงซี แต่ในปีล่าสุด แทน (เจมส์-ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ) นักศึกษาแพทย์ปีหนึ่ง มีความจำเป็นต้องอยู่หอเพียงคนเดียวในคืนวันสถาปนาฯ เขาจึงต้องเผชิญหน้ากับผีนักศึกษาแพทย์ที่จะมาทวงเตียงซีของตนเองคืน
และ ตึกวิทย์เก่า บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับตำนานของตึกวิทย์เก่าที่มีชุดครุยปริศนาตั้งโชว์อยู่ กระทั่งวันหนึ่ง กอล์ฟ (กิต-กฤตย์ จีรพัฒนานุวงศ์) ชายหนุ่มที่ได้รับการไหว้วานจาก มีน (เบลล์-เขมิศรา พลเดช) ผู้เป็นพี่สาว ให้นำของมาส่งให้ที่มหาวิทยาลัย แต่กอล์ฟดันไปผิดตึก จึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ กอล์ฟ มีน และผองเพื่อนต้องเอาตัวรอดจากผีสุดสยอง
จุดเด่นข้อหนึ่งของ เทอมสอง สยองขวัญ ที่โดดเด่นมากๆ คือ แม้ว่าเรื่องสั้นทั้ง 3 เรื่องจะถูกนำเสนอในรูปแบบภาพยนตร์สยองขวัญ แต่เรื่องสั้นแต่ละเรื่องก็มีกลวิธีนำเสนอที่แตกต่างและชัดเจนในแนวทางของตัวเองมากพอสมควร อีกทั้งการจัดเรียงลำดับการฉายก่อนหลังของทั้ง 3 เรื่อง ยังส่งผลต่อความรู้สึกของผู้ชมเป็นอย่างดีอีกด้วย
เราขอเริ่มต้นที่ เชียร์ปีสุดท้าย ผลงานการกำกับของ พลอย-ภัทรภร วีระศักดิ์วงศ์ สิ่งที่โดดเด่นมากที่สุดของเรื่องนี้ คือการพาผู้ชมไปสำรวจความสัมพันธ์ของสองตัวละครหลักอย่าง เมษา และ ต่าย อย่างลึกซึ้ง ทั้งการที่เมษาสามารถมองเห็นผีได้ส่งผลต่อชีวิตของเธออย่างไร และส่งผลต่อการดำเนินชีวิตของต่ายที่เป็นเพื่อนสนิทของเธออย่างไรบ้าง
อีกทั้งผู้กำกับยังหยิบเรื่องราวของนักศึกษาปี 1 ที่ต้องพยายามปรับตัวให้เข้ากับสังคมใหม่ มาใช้เป็นปมปัญหาหลักของเรื่องได้อย่างน่าสนใจ และเชื่อว่าผู้ชมที่เคยผ่านประสบการณ์เหล่านี้มาบ้าง จะสามารถเชื่อมโยงและเข้าใจความรู้สึกของเมษาและต่ายได้ไม่ยากนัก
ด้าน เดอะซี ผลงานการกำกับของ ก๋วยเตี๋ยว-จตุพงศ์ รุ่งเรืองเดชาภัทร์ ที่โดดเด่นด้วยกลิ่นอายภาพยนตร์สแลสเชอร์ ที่ตัวละครต้องพยายามเอาชีวิตรอดจากผีสุดโหด แต่ไม่ได้มีเนื้อเรื่องที่เข้มข้นเท่า เชียร์ปีสุดท้าย
ซึ่งผู้กำกับและทีมสร้างสามารถนำเสนอบรรยากาศสุดสยอง ทั้งการจัดแสง มุมกล้อง และจังหวะตัดต่อ ออกมาได้อย่างโดดเด่น รวมถึงการสร้างสถานการณ์ต่างๆ ที่ตัวละครต้องเผชิญก็สามารถสร้างความลุ้นระทึกและชักชวนให้เราอยากจะเอาใจช่วยตัวละครหลักได้เป็นอย่างดี ส่วนตัวเราจึงคิดว่า เดอะซี’ น่าจะเป็นเรื่องที่มีความระทึกขวัญมากที่สุดในบรรดา 3 เรื่อง
และปิดท้ายด้วย ตึกวิทย์เก่า ผลงานจากผู้กำกับ ต้น-เอกภณ เศรษฐสุข ซึ่งส่วนตัวผู้เขียนค่อนข้างชื่นชอบเรื่องนี้มากที่สุด โดยมาพร้อมสไตล์ภาพยนตร์คอเมดี้สยองขวัญ ที่ผสมผสานความลุ้นระทึกและมุกตลกขบขันออกมาได้อย่างกลมกล่อม โดยเฉพาะจังหวะการเล่าเรื่องที่มีชั้นเชิงแพรวพราวจนสามารถเรียกเสียงหัวเราะจากผู้ชมได้ตลอดทั้งเรื่อง
และอย่างที่เรากล่าวไว้ในตอนต้นว่า การเรียงลำดับการฉายของเรื่องสั้นทั้ง 3 เรื่องค่อนข้างส่งผลต่อความรู้สึกของผู้ชมในตอนจบมากๆ กล่าวคือ เชียร์ปีสุดท้าย ที่เน้นจะเล่าเรื่องราวความสัมพันธ์ของเมษาและต่าย มีกลิ่นอายดราม่าที่เข้มข้นและเนื้อเรื่องที่ผู้ชมสามารถเข้าถึงได้ไม่ยาก จึงเปรียบเสมือนออร์เดิร์ฟที่ชักชวนให้ผู้ชมเข้าสู่โลกของ เทอมสอง สยองขวัญ ก่อนที่จะเสิร์ฟด้วยอาหารจานหลักอย่าง เดอะซี ที่อัดแน่นไปด้วยบรรยากาศชวนสยอง และฉากไล่ล่าสุดระทึกที่บีบหัวใจผู้ชม และปิดท้ายด้วยของหวานอย่าง ตึกวิทย์เก่า ที่มาช่วยคลายความตึงเครียดให้กับผู้ชมด้วยมุกตลกขบขัน
ดังนั้นแล้วเราคิดว่าการที่ทีมสร้างเลือก ตึกวิทย์เก่า มาฉายปิดท้าย ส่งผลให้ เทอมสอง สยองขวัญ เป็นภาพยนตร์สยองขวัญที่สามารถสร้างรอยยิ้มและมอบความประทับใจให้แก่ผู้ชมได้ดีทีเดียว
อีกหนึ่งจุดเด่นของเรื่องที่เราอยากกล่าวถึงเป็นการส่วนตัว คืองานเมกอัพเอฟเฟกต์ที่ถูกสร้างสรรค์ออกมาได้ดีมากๆ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญของเรื่องที่ช่วยขับเน้นให้บรรยากาศสยองขวัญของเรื่องโดดเด่นยิ่งขึ้น
ในภาพรวมแล้ว เทอมสอง สยองขวัญ เป็นภาพยนตร์สยองขวัญที่ค่อนข้างครบรส แม้ว่าเรื่องสั้นแต่ละเรื่องจะมีจุดด้อยให้เห็นอยู่บ้าง แต่ด้วยบรรยากาศและกลวิธีนำเสนอของทั้ง 3 เรื่องที่โดดเด่นแตกต่างกันไป จึงนับว่าเป็นการเติมเต็มจุดด้อยของภาพยนตร์ได้ค่อนข้างลงตัวพอสมควร
เทอมสอง สยองขวัญ มีกำหนดเข้าฉายวันที่ 24 มีนาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์
รับชมตัวอย่างที่นี่
รับชมคลิปสัมภาษณ์ 4 นักแสดงนำ มิวสิค, เบลล์, นาน่า และ แคร์ ได้ที่นี่
ภาพ: สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล