พรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษก กระทรวงการคลัง เปิดเผยความคืบหน้าการโอนเงินตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ ซึ่งได้โอนเงินให้กลุ่มเป้าหมายระหว่างวันที่ 25-30 กันยายน 2567 โดยพบว่าจากจำนวนกลุ่มเป้าหมายรวมทั้งหมด 14.44 ล้านคน โอนเงินสำเร็จ 14.05 ล้านคน ขณะที่โอนเงินไม่สำเร็จ 381,287 คน คิดเป็น 2.64%
ในภาพรวมมีสาเหตุการโอนเงินไม่สำเร็จของกลุ่มเป้าหมายแต่ละกลุ่ม ดังนี้
- คนพิการ เช่น บัญชีเงินฝากธนาคารถูกปิด เลขบัญชีเงินฝากธนาคารไม่ถูกต้อง เป็นต้น
- ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เช่น ยังไม่ได้ผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชน, บัญชีไม่มีการเคลื่อนไหว, บัญชีเงินฝากธนาคารถูกปิด, เลขบัญชีเงินฝากธนาคารไม่ถูกต้อง เป็นต้น
มีสิทธิแต่ไม่ได้เงินทำอย่างไร?
สำหรับผู้มีสิทธิแต่ไม่ได้เงิน กระทรวงการคลัง แนะนำว่า ให้ผู้มีสิทธิดำเนินการผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชน หรือติดต่อธนาคาร เพื่อแก้ไขบัญชีเงินฝากธนาคารที่มีปัญหาข้างต้น เพื่อให้พร้อมรับเงินตามโครงการฯ ในรอบการจ่ายเงินซ้ำ (Retry)
สำหรับคนพิการที่บัตรประจำตัวคนพิการหมดอายุ หรือผู้ได้รับเบี้ยความพิการที่ไม่มีบัตรประจำตัวคนพิการ ข้อมูลบัตรประจำตัวคนพิการไม่สมบูรณ์ ซึ่งเป็นกลุ่มที่ยังไม่ได้รับการโอนเงินเมื่อวันที่ 25 กันยายน 2567 ขอแนะนำให้ดำเนินการต่ออายุบัตรประจำตัวคนพิการ ทำบัตรประจำตัวคนพิการ หรือแก้ไขข้อมูลประจำตัวคนพิการ ที่ศูนย์บริการคนพิการทั่วประเทศให้ถูกต้องภายในกำหนดเวลา
พรชัยย้ำว่า เมื่อพ้นกำหนดการ Retry ครั้งที่ 3 แล้ว จะยุติการจ่ายเงินให้แก่กลุ่มเป้าหมาย และถือว่ากลุ่มเป้าหมายไม่ประสงค์รับเงินภายใต้โครงการฯ
นอกจากนี้กรณีเป็นบุคคลล้มละลายหรือถูกพิทักษ์ทรัพย์สามารถดำเนินการเปิดบัญชีเงินฝาก เพื่อรับเงินตามโครงการฯ และสามารถถอนเงินได้ โดยดำเนินการยื่นคำร้องต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ เพื่อขออนุญาตเปิด/ใช้บัญชีเพื่อรับเงินตามโครงการฯ โดยต้องดำเนินการเปิดบัญชีเงินฝากและผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชนให้แล้วเสร็จภายในกำหนดการ Retry
พรชัยกล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้มีเม็ดเงินจากโครงการฯ หมุนเวียนสู่ระบบเศรษฐกิจแล้วจำนวน 140,573.41 ล้านบาท ขอให้พี่น้องประชาชนที่ได้รับเงินส่วนนี้แล้ววางแผนการใช้จ่ายอย่างคุ้มค่าและให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อตนเองและครอบครัว