วันนี้ (5 มกราคม) จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยหลังการประชุมคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ครั้งที่ 1/2565 ระบุว่า วันนี้ที่ประชุมได้พิจารณาประเด็นสำคัญเรื่องสุกร หารือร่วมกันกับกรมปศุสัตว์ที่เป็นหน่วยงานดูแลการผลิตสุกรป้อนเข้าสู่ตลาด ตัวเลขเบื้องต้นในปี 2564 มีการเลี้ยงสุกรป้อนเข้าสู่ตลาดประมาณ 19 ล้านตัว บริโภคในประเทศ 18 ล้านตัว ส่งออกไปต่างประเทศประมาณ 1 ล้านตัว คาดการณ์ว่าปี 2565 จะมีสุกรหายไปจากระบบ เหลือประมาณ 13 ล้านตัว จาก 19 ล้านตัว ซึ่งเราบริโภคในประเทศประมาณ 18 ล้านตัว ทำให้ขาดสุกรประมาณ 5 ล้านตัวสำหรับการบริโภค
โดยวันนี้ได้มีการพิจารณาห้ามส่งออกสุกรมีชีวิตเป็นเวลา 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 6 มกราคม 2565 ถึงวันที่ 5 เมษายน 2565 เป็นการชั่วคราว และจะพิจารณาตามสถานการณ์ว่าควรให้มีการต่ออายุหรือไม่ โดยติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด คาดว่าจะช่วยให้มีสุกรมีชีวิตกลับเข้าสู่ระบบเพิ่มเติมประมาณ 1 ล้านตัว
และที่ประชุมสั่งการให้ผู้เลี้ยงสุกรที่มีปริมาณการเลี้ยงเกิน 500 ตัว ผู้ค้าส่งที่มีปริมาณเกิน 500 ตัว ห้องเย็นที่มีการเก็บสต๊อกเกิน 5,000 กิโลกรัมขึ้นไป ให้ดำเนินการแจ้งสต๊อกให้กรมการค้าภายในรับทราบ รวมทั้งแจ้งราคาในทุก 7 วัน เริ่มวันที่ 10 มกราคมนี้เป็นต้นไป เพื่อให้ทราบปริมาณสุกรมีชีวิตทั้งหมดที่อยู่ในระบบ รวมทั้งเนื้อสุกรแช่แข็ง แช่เย็น รวมกันทั้งประเทศว่ามีจำนวนเท่าไร เพื่อพิจารณาแก้ไขปัญหาร่วมกันกับกรมปศุสัตว์และหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องต่อไป
ขณะที่กรมการค้าภายในจะทำงานร่วมกันกับกรมปศุสัตว์และหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด ให้ได้ตัวเลขที่ใกล้เคียงความจริงที่สุด
ส่วนการจำหน่ายเนื้อสุกร กำหนดให้มีการติดป้ายราคาจำหน่าย ห้ามขายเกินราคาป้ายที่กำหนดไว้ รวมทั้งดำเนินการให้เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจตามกฎหมาย ทั้งผู้ว่าราชการจังหวัด หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พาณิชย์จังหวัด และกรมการค้าภายใน รวมทั้งปศุสัตว์ ดำเนินการบังคับใช้กฎหมาย ทั้งการขายเกินราคา การเข้าข่ายค้ากำไรเกินควรก็ตาม
และที่ประชุมยังมีมติเพิ่มเติมให้กรมปศุสัตว์ในฐานะหน่วยงานเจ้าของเรื่องโดยตรง ผลิตสุกรเข้าสู่ระบบ เร่งดำเนินการส่งเสริมการเลี้ยงสุกรเพิ่มเติม เพื่อให้สุกรมีเพียงพอสำหรับการบริโภคในประเทศโดยเร็วที่สุด
โดยเมื่อวานนี้ (4 มกราคม) ประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มีการหารือกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ มีมาตรการเร่งรัดการส่งเสริมการเลี้ยง กระทรวงพาณิชย์เห็นด้วยในการช่วยสนับสนุนมาตรการทั้งหมด และถ้ามีความจำเป็นในเรื่องใดที่จะต้องเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ซึ่งกระทรวงพาณิชย์พร้อมที่จะให้การสนับสนุน โดยเฉพาะมาตรการเร่งรัดส่งเสริมการเลี้ยง การช่วยให้เกษตรกรรายย่อยสามารถเข้าถึงแหล่งทุนดอกเบี้ยราคาถูกหรือเงื่อนไขผ่อนปรนเป็นพิเศษ และขอให้กระทรวงการคลังเข้ามามีบทบาทช่วยดูแลเรื่องนี้ต่อไป รวมทั้งส่งเสริมให้เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรเข้ามาเลี้ยงในระบบ GFM (Good Farming Management) ที่มีมาตรฐานและต้นทุนไม่สูงเกินไป เป็นระบบที่ป้องกันโรคได้และมีความปลอดภัย สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้
พร้อมเผยมาตรการ 2 อย่างของกระทรวงพาณิชย์ที่จะเร่งดำเนินการ ดังนี้
มาตรการที่ 1 เมื่อทราบสต๊อกจะเร่งนำสุกรจากสต๊อกมาป้อนเข้าสู่ระบบโดยเร็ว
มาตรการที่ 2 กำกับราคาไม่ให้เกิดการค้ากำไรเกินควร ถ้าต้นทุนสุกรสูงขึ้นจริงจำเป็นต้องขายราคาหน้าฟาร์มสูงขึ้น ก็ให้ความยุติธรรมกับทุกฝ่าย แต่ถ้าขายเกินราคาสมควรจนเข้าข่ายผิดกฎหมาย กระทรวงพาณิชย์จะเข้าไปดำเนินคดีโดยเด็ดขาด ไม่มียกเว้น ขอความร่วมมือกับพี่น้องประชาชนผู้บริโภคทั้งประเทศแจ้งเบาะแสมาที่สายด่วน 1569
ซึ่งนอกจากเข้าไปทำหน้าที่เชิงรุกของเจ้าหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์ จะขอความร่วมมือผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะที่เป็นกลไกของกระทรวงพาณิชย์ในระดับจังหวัดช่วยดำเนินการเรื่องนี้