นักวิเคราะห์ออกมาคาดการณ์ว่านโยบายกีดกันทางเทคโนโลยีของอเมริกาที่มีต่อจีนอาจส่งผลให้บริษัทผู้ผลิตชิปรายใหญ่ที่สุดในแดนมังกรอย่าง SMIC ต้องตามหลังคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกันอย่าง TSMC ของไต้หวัน และ Samsung ของเกาหลีใต้ถึง 10 ปี
ปัจจุบัน SMIC อยู่ระหว่างการพัฒนาเซมิคอนดักเตอร์ชิปขนาด 7 นาโนเมตร แต่ก็ต้องประสบปัญหาในการผลิต เนื่องจากไม่สามารถสั่งซื้อเครื่องพิมพ์รังสีอัลตราไวโอเลต (EUV) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่มีความสำคัญในการผลิตชิปในเชิงพาณิชย์จาก ASML บริษัทในเนเธอร์แลนด์ที่เป็นผู้ผลิตเครื่องจักรที่มีความซับซ้อนสูงดังกล่าวเพียงรายเดียวในโลกได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- SMIC ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของจีน เตรียมทุ่มงบ 7.5 พันล้านดอลลาร์ สร้างโรงงานแห่งใหม่ในเทียนจิน
- จีนเปิดฉาก ‘สงครามชิป’ รอบใหม่! สั่งทบทวนการนำเข้าชิป Micron จากสหรัฐฯ อ้างความเสี่ยงด้านความมั่นคง
- จีนอวดสายการผลิต ‘Photonic Chip’ เป็นครั้งแรก เตรียมเดินเครื่องผลิตภายในปี 2023
การออกนโยบายกีดกันทางเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ในปีที่ผ่านมาส่งผลให้ชาติที่เป็นพันธมิตรอย่างญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และเนเธอร์แลนด์ ต้องระงับการส่งออกอุปกรณ์และชิ้นส่วนที่มีความจำเป็นในการผลิตเทคโนโลยีชั้นสูงไปยังจีนตามไปด้วย
“การขาดเครื่อง EUV จะทำให้ SMIC ไม่สามารถผลิตชิปที่มีประสิทธิภาพสูงในปริมาณมากด้วยต้นทุนต่ำได้ และการที่ SMIC สามารถผลิตได้เพียงชิปที่มีประสิทธิภาพด้อยกว่าก็จะส่งผลต่อความสามารถในการทำกำไรระยะยาว” ฟีลิกซ์ ลี นักวิเคราะห์จาก Morningstar Asia ระบุ
ในทางกลับกัน TSMC และ Samsung ได้เริ่มผลิตชิปขนาด 7 นาโนเมตรมาตั้งแต่ปี 2018 และปัจจุบันยังสามารถผลิตชิปขนาด 3 นาโนเมตรได้แล้ว นอกจากนี้ทั้งสองบริษัทยังอยู่ระหว่างการพัฒนาชิปขนาด 2 นาโนเมตรที่มีความก้าวหน้าขึ้นไปอีก ซึ่งคาดว่าจะเริ่มทำการผลิตได้ในปี 2025
“รัฐบาลจีนได้ทุ่มงบการวิจัยเพื่อส่งเสริมให้บริษัทภายในประเทศสามารถผลิตเครื่อง EUV ของตัวเองออกมาได้ แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่มีวี่แววว่าจะมีรายใดที่สามารถสร้างเครื่องจักรดังกล่าวให้กับ SMIC ได้” Lee กล่าว
ในเดือนกุมภาพันธ์ที่มีผ่าน ASML มีการเปิดเผยข้อมูลว่า ข้อมูลทางเทคโนโลยีสำคัญของบริษัทได้ถูกขโมยออกไปโดยอดีตลูกจ้างชาวจีนรายหนึ่ง อย่างไรก็ดี คริส มิลเลอร์ ซึ่งเป็นผู้เขียนหนังสือ ‘Chip War’ ยังวิเคราะห์ว่า จีนยังต้องใช้เวลาอีกพอสมควรในการลอกเลียนเครื่องจักรที่มีความซับซ้อนสูงดังกล่าว
โดยมิลเลอร์ประเมินว่า SMIC จะไม่สามารถผลิตชิปขั้นสูงหรือไม่สามารถเข้ามาแข่งขันในตลาดดังกล่าวได้อีกอย่างน้อย 2-3 ปี ขณะที่ลีเชื่อว่า SMIC จะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 5 ปีจึงจะสามารถผลิตชิปขนาด 3-5 นาโนเมตรได้ ซึ่งแน่นอนว่าในช่วงดังกล่าวคู่แข่งอย่าง TSMC และ Samsung จะยิ่งทิ้งห่างออกไป ทำให้ช่องว่างระหว่างผู้ผลิตชิปจีนกับคู่แข่งอาจสูงถึง 10 ปี
อ้างอิง: