ครูศูนย์ฝึกอาชีพเขตปทุมวัน รวมตัวยื่นหนังสือร้องเรียนหลังถูกสภา กทม. ตัดงบ

วานนี้ (7 กันยายน) ธิษะณา ชุณหะวัณ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) เขต 2 กรุงเทพมหานคร พรรคก้าวไกล โพสต์ภาพพร้อมข้อความถึงสถานการณ์ศูนย์ฝึกอาชีพเขตปทุมวัน สวนลุมพินี ที่กำลังจะถูกปิดตัวหลังไม่ผ่านการพิจารณางบประมาณปี 2567 ของสภากรุงเทพมหานคร ผ่านเฟซบุ๊ก ‘ธิษะณา ชุณหะวัณ – แก้วตา – Tisana Choonhavan’

ระบุว่า “ศูนย์ฝึกอาชีพเขตปทุมวัน สวนลุมพินี กำลังจะถูกปิดตัวหลังการพิจารณาวาระที่ 3 งบประมาณปี 2567 ของสภากรุงเทพมหานคร ในวันที่ 6 กันยายน 2566 ที่ผ่านมา

ศูนย์ฝึกอาชีพ เขตปทุมวัน มีนักเรียนมาเรียนฝึกอาชีพกว่า 1,000 ชีวิตที่เป็นผู้มีรายได้น้อยจะถูกปิดตัวลง และบุคลากรทางวิชาการ 60 คน ซึ่งกำลังจะถูกลอยแพ

เช้าวันที่ 7 กันยายน 2566 คุณครูทั้ง 60 คนและนักเรียน 20 คนมายื่นหนังสือกับสภากรุงเทพมหานคร หลังได้รับแจ้งจากสำนักงานเขตปทุมวันว่าการพิจารณางบประมาณปี 2567 (งบประมาณกรุงเทพมหานครทั้งหมด 9 หมื่นล้านบาท) ว่างบประมาณสำหรับศูนย์ฝึกอาชีพเขตปทุมวันจะถูกตัดจากการพิจารณางบประมาณปี 2567 เมื่อวันที่ 6 กันยายน โดยสภากรุงเทพมหานคร

งบประมาณที่จะถูกตัดของศูนย์ฝึกอาชีพเขตปทุมวันมีดังต่อไปนี้

ค่าสมนาคุณวิทยากร 12,360,000 บาท (ค่าจ้างคุณครูทั้ง 60 คนที่มายื่นหนังสือ)
ค่าวัสดุศูนย์ฝึกอาชีพฯ 800,000 บาท

บุคลากรที่จะถูกลอยแพไม่ได้รับการแจ้งล่วงหน้า เพิ่งทราบเมื่อวานจากสำนักงานเขตปทุมวัน วันที่ 6 กันยายน 2566 ว่า ให้ทางศูนย์ฝึกอาชีพหยุดรับสมัครนักเรียน คุณครูทั้ง 60 คนเลยรวมตัวไปที่สำนักงานเขตปทุมวัน และไปถามฝ่ายพัฒนาชุมชนและสวัสดิการสังคม ทางฝ่ายพัฒนาชุมชนและสวัสดิการสังคมแจ้งว่า ไม่แน่ใจ ที่ไม่ให้รีบสมัครนักเรียนปีนี้เพราะว่ากลัวโดนตัดงบประมาณหากสภากรุงเทพมหานครไม่อนุมัติงบประมาณก้อนนี้

ทางเขตไม่สบายใจเลยให้ทางศูนย์ฝึกอาชีพหยุดรับสมัครนักเรียนก่อน และไม่ขอเอกสารจากคุณครูเพื่อแต่งตั้งเป็นวิทยากรเหมือนปีที่ผ่านๆ มา ซึ่งคุณครูจะได้รับเงินเดือนเป็นรายชั่วโมง ชั่วโมงละ 250 บาท ส่วนมากเป็นผู้สูงอายุและประกอบอาชีพนี้เป็นหลัก ซึ่งหากเกิดการเลิกจ้างคุณครูทั้งหมดจะตกงาน และนักเรียนมีมาจากทุกเพศทุกวัย เพื่อเรียนเสริมทักษะ เปลี่ยนอาชีพได้ฟรี สำหรับผู้มีรายได้น้อย

ทางคุณครูอยากฝากไปกับ สก. เขตปทุมวัน และสภากรุงเทพมหานคร ว่าการปิดศูนย์ฝึกอาชีพจะส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบอาชีพครูถึง 60 ชีวิต และจะกระทบกับนักเรียนที่มาจากทุกเพศทุกวัย โดยมากเป็นผู้มีรายได้น้อยและไม่มีโอกาสในการศึกษาระดับสูง ต้องการเรียนเสริมทักษะเพื่อประกอบอาชีพ มาเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว ขอให้พิจารณาการตัดงบประมาณว่าเป็นประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนในเขตปทุมวันแล้วหรือไม่”

อ้างอิง: