กิริฎา เภาพิจิตร ผู้อำนวยการวิจัย ด้านการวิจัยและคำปรึกษาระหว่างประเทศ TDRI กล่าวว่าในกรณีที่ โดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกันชนะการเลือกตั้งสหรัฐฯ 2020 อาจส่งผลให้สงครามการค้าและสงครามเทคโนโลยีรุนแรงยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันนโยบายของทรัมป์มุ่งเน้นเรื่องในประเทศเป็นหลัก และจะเห็นจีนขยายอิทธิพลในเวทีโลกมากขึ้น
ทั้งนี้นโยบายของทรัมป์ทั้งหมดนี้จะส่งผลให้ภาวะการค้าโลกในระยะต่อไปยังอึมครึม เพราะแต่ละประเทศมีการตั้งกำแพงกีดกันทางการค้ายิ่งขึ้น และยังมีความเสี่ยงจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ที่จะส่งผลให้ประเทศไทยต้องอาศัยการขยายตัวจากปัจจัยนอกประเทศขยายตัวยากขึ้นด้วย
อย่างไรก็ตาม หากสหรัฐฯ และจีนที่เป็นมหาอำนาจของโลกมุ่งพัฒนาการบริโภคในประเทศผ่านมาตรการต่างๆ ย่อมส่งผลให้การค้าโลกซบเซาลงเช่นกัน ขณะเดียวกันหากทรัมป์ชนะการเลือกตั้งจะส่งผลให้การส่งออกไปสหรัฐฯ ยากขึ้น ดังนั้นจะเห็นการย้ายฐานผลิตออกจากประเทศจีนเพิ่มขึ้น เช่น ช่วงที่ผ่านมาทั้งบริษัทจีน ญี่ปุ่น สหรัฐฯ และไต้หวัน ย้ายฐานการผลิตมายังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเป็นโอกาสของประเทศไทย แม้ว่าช่วงที่ผ่านมาส่วนใหญ่จะย้ายฐานการผลิตไปที่เวียดนามก็ตาม
“ตอนนี้เราเห็นเทรนด์นี้มาพักหนึ่ง หลายประเทศย้ายฐานการผลิตจากจีนมาที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้แทน โดยประเทศที่ได้ประโยชน์มาที่สุดคือเวียดนาม รองลงมาคือไทยซึ่งเป็นที่สองแบบห่างๆ โดยจุดที่แตกต่างคือหากบริษัทที่ย้ายออกมาต้องการการผลิตที่ใช้เทคโนโลยีระดับสูงหน่อยก็จะเลือกมาไทย แต่ถ้าต้องการกำลังการผลิตจะเลือกไปที่เวียดนาม ดังนั้นมองว่าไทยยังมีโอกาสในการขยายตัวในตลาดโลก”
ขณะเดียวกันยังเชื่อว่าจีนและสหรัฐฯ อาจอยากเน้นการผลิตเพื่อบริโภคในประเทศ ทำให้การค้าโลกหดตัวลง แต่เชื่อว่าหลายประเทศทั่วโลกยังอยากค้าขายกับต่างประเทศอยู่ ดังนั้นการจับกลุ่มการค้าเพื่อค้าขายยังเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ และเชื่อว่าจีนจะเห็นประโยชน์และอยากมีส่วนในการเป็นผู้นำกลุ่มการค้าเพื่อขยายอิทธิพลในตลาดการค้าเพิ่มขึ้น
ปัจจุบันประเทศไทยมีการส่งออกไปสหรัฐฯ 12% และไทยมีการส่งออกไปจีนราว 11-12% ดังนั้นยังมีตลาดการส่งออกส่วนที่เหลืออีก 80% ให้ไทยสามารถขยายตัวในตลาดโลกได้ ขณะที่ในประเทศมองว่าต้องมีการกระตุ้นการบริโภค และการเพิ่มรายได้ต่อหัวเพื่อกระตุ้นการบริโภคในประเทศเพิ่มขึ้นเช่นกัน
ดังนั้นในช่วงเวลานี้ไทยต้องเตรียมตัวและปรับตัวมากขึ้น โดยอาศัยจุดแข็งของไทย เช่น การเป็นศูนย์กลางในภูมิภาค หรือโลจิสติกส์ที่ดีกว่าเวียดนามและฟิลิปปินส์ อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าช่วงที่ผ่านมา ยิ่งทรัมป์ขึ้นเป็นประธานาธิบดี ความสัมพันธ์ระหว่างไทยและสหรัฐฯ ถือว่าถดถอยลง และไทยมีความสัมพันธ์ที่ดีกว่ากับจีนที่ต้องการร่วมมือกับหลายประเทศ
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์