วานนี้ (8 พ.ค.) สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) ได้จัดงาน ‘ตลาดทุนพบภาครัฐ 3/2568’ โดยครั้งนี้จัดขึ้นในหัวข้อ “ททท. พบนักวิเคราะห์และนักลงทุนสถาบัน” โดยมี ธีระศิลป์ เทเพนทร์ รองผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ด้านนโยบายและแผน มาร่วมเป็นวิทยากร และเป็นผู้ให้ข้อมูล
ธีระศิลป์ เทเพนทร์ รองผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ด้านนโยบายและแผน กล่าวถึงสถานการณ์ท่องเที่ยวไทยว่า ช่วง 4 เดือนแรกของปี 2568 (ม.ค.-เม.ย.) ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติมีแนวโน้มลดลง โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลงไป -0.2% แบ่งเป็นตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือลดลง -20% โดยเฉพาะจีนที่ลดลงราว 30% อย่างไรก็ตาม ตลาดยุโรปยังคงเติบโต 16% โดยเฉพาะตลาดระยะกลาง-ไกล ยังเติบโตได้ดี
ภาพรวมนักท่องเที่ยว 4 เดือนแรก ปี 2568
สถานการณ์นักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามาประเทศไทย ปี 2567 และ 3 เดือนแรกของปี 2568
เมื่อเจาะไปที่นักท่องเที่ยวจีน โดยย้อนดูสถิตินักท่องเที่ยวในปี 2567 พบว่านักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาไทยมากที่สุด รองลงมาคือไปญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ แต่ในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ นักท่องเที่ยวจีนเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่นมากที่สุด จากปัจจัยเรื่องค่าเงินเยน และเดินทางง่าย มีโครงสร้างพื้นฐานที่สะดวก และใกล้กับจีน รองลงมาคือเดินทางไปเวียดนาม จากปัจจัยกรุ๊ปทัวร์ที่ไหลจากไทยไป ส่วนไทยร่วงลงมาอยู่อันดับ 3 ดังนั้นจะต้องดึงนักท่องเที่ยวกรุ๊ปที่ไหลไปกลับมา
สาเหตุหลักที่ทำให้นักท่องเที่ยวจีนลดลง มาจากภาพลักษณ์ความไม่ปลอดภัยของไทย จากทั้งเรื่องเหตุการณ์การลักพาตัวชาวจีน การแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ต่างชาติ การส่งตัวชาวอุยกูร์กลับจีน การก่อวินาศกรรมในสุไหงโก-ลก และเหตุแผ่นดินไหวในประเทศไทย ส่งผลให้กระทบ Sentiment นักท่องเที่ยวจีนหายไป และลามไปถึงนักท่องเที่ยวฮ่องกง ไต้หวัน และเกาหลีด้วย
“นอกจากนักท่องเที่ยวจีนที่ลดลง ก็ยังมีนักท่องเที่ยวเกาหลีที่ลดลงด้วย แต่นักท่องเที่ยวญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างมอนิเตอร์ เพราะสองประเทศนี้อยู่ใกล้จีน และจีนมีนโยบายเร่งดึงนักท่องเที่ยว ทั้งให้คนจีนเที่ยวในประเทศ และดึงนักท่องเที่ยวอินบาวด์เข้ามาโดยให้การสนับสนุน ซึ่งบริษัททัวร์ในญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ที่เป็นลูกค้าของจีน ก็เป็นลูกค้ากลุ่มเดียวกับไทย” ธีระศิลป์กล่าว
จ่อลดเป้า นทท. หลัง นทท. จีนวูบ แต่มั่นใจรายได้โตกว่าปีก่อน
สำหรับเป้าหมายนักท่องเที่ยวปี 2568 ตั้งไว้ 39 ล้านคน ส่วนรายได้ 3.4 ล้านล้านบาท แต่แม้ขณะนี้ยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการในการปรับลดเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยว แต่ส่วนตัวมองว่าจำนวนนักท่องเที่ยวปีนี้ไม่น่าจะไปถึงเป้า เพราะตลาดใหญ่อย่างจีนลดลงมาก ต่อให้หลังจากนี้กลับมามีอัตราเพิ่มเท่าเดิมเหมือนปีที่แล้ว ในช่วงเดือนที่เหลือนักท่องเที่ยวก็หายไปอยู่ดี
จำนวนนักท่องเที่ยว และรายได้จากการท่องเที่ยวปี 2567
เป้าหมาย (เดิม) จำนวนนักท่องเที่ยว และรายได้จากการท่องเที่ยวปี 2568
แนวโน้มจำนวนนักท่องเที่ยว และรายได้จากการท่องเที่ยวปี 2568
ธีระศิลป์กล่าวว่า แม้ในปีนี้จะมีการปรับเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวลง แต่ยืนยันว่าแนวโน้มรายได้รวมไม่น่าจะลดลงไปมากกว่าปีที่แล้ว
“สมมติว่าเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวจริงเท่ากับปีก่อนที่ 35.5 ล้านคน ก็มั่นใจว่ารายได้รวมปีนี้จะได้มากกว่าปีที่แล้วแน่นอน ในส่วนของจำนวนนักท่องเที่ยวจีน ในปี 67 เดินทางเข้าไทย 6 ล้านกว่าคน ซึ่งปีนี้จะกระตุ้นอย่างไรก็ไม่น่าถึงระดับเดียวกับปีก่อน แต่จะพยายามกระตุ้นให้ได้ 4 กว่าล้านคน โดยเน้นนักท่องเที่ยวแบบมีคุณภาพ อย่างตอนนี้สัดส่วนนักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามาเที่ยวไทยเกือบทั้งหมดเป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวเอง (Free Individual Traveler: FIT) ซึ่งส่วนใหญ่มาจากชาวจีนในเมืองใหญ่ แต่รายจ่ายต่อหัวสูงกว่ากลุ่มทัวร์”
เร่งปรับภาพลักษณ์ ดึงกรุ๊ปทัวร์จีนกลับ
ธีระศิลป์กล่าวว่า ข่าวไม่ดีต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทย เช่น ข่าวการตัดไต ขายไตในไทย ข่าวโรงแรมในประเทศไทยมีประตูลับเพื่อทำการลักพาตัว ยังคงปรากฏในโซเชียลมีเดียของจีนอยู่ ซึ่งปัญหานี้รุนแรง เพราะคนจีนที่ไม่เคยมาไทย คือชาวจีนที่มาจากเมืองเล็ก และส่วนใหญ่มักจะเลือกเดินทางมากับกรุ๊ปทัวร์ และเมื่อได้รับข่าวสารประเภทนี้ ทำให้การตัดสินใจเดินทางมาไทยชะงัก
ดังนั้นสิ่งที่ต้องทำคือการปรับภาพลักษณ์ในเมืองรองของจีน คุยกับบริษัททัวร์ในเมืองย่อยเพื่อดึงนักท่องเที่ยวกรุ๊ปทัวร์กลับมา และในระยะยาวอาจต้องมีมาตรการปรับโครงสร้างตลาดจีน เพื่อลดความเสี่ยงเรื่องความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยว
“จะหวังแต่ High-spending ทั้งหมดเลยก็ไม่ได้ เพราะรายได้อาจลงไม่ถึงรากหญ้า ในระยะสั้นนี้จึงต้องมีการจัดการ”
สำหรับแผนการดำเนินงานในส่วนของตลาดต่างประเทศ คือ
- รักษาการเติบโตตลาดจีน โดยการแก้ไขภาพลักษณ์ด้านความปลอดภัย ฟื้นฟูความเชื่อมั่น
- จัดหาตลาดทดแทน (Relocation) โดยเน้นเพิ่มจำนวน Quality Leisure, Family และ Incentive ในตลาดระยะใกล้ 9 ตลาด และระยะไกล 15 ตลาด
- ขยายตลาดกลุ่ม High Value มุ่งเน้นกลุ่ม Health and Wellness, Yacht, Sport และ Digital Nomad
- สื่อสาร 360 องศา ผ่านช่องทาง Online และ Offline พร้อมจัด Events ดึงดูดนักท่องเที่ยว โดยจัดกิจกรรมเทศกาล ดนตรี กีฬา และวัฒนธรรมตลอดทั้งปี
คาด มิ.ย. ดัน ‘เที่ยวไทยคนละครึ่ง’
ธีระศิลป์กล่าวว่า โครงการ ‘เที่ยวไทยคนละครึ่ง’ ช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศได้ ซึ่งคาดว่าโครงการนี้น่าจะมีความชัดเจนในเดือน มิ.ย. โดยจะเน้นกระจายรายได้สู่เมืองรอง ส่งเสริมการเดินทางวันธรรมดา เพื่อลดความแออัด และสื่อสารภาพลักษณ์ “สุขทันทีที่เที่ยวไทย”
“ททท. จะเน้นโฟกัสตลาดต่างประเทศเพราะนักท่องเที่ยวลดลง ส่วนไทยเที่ยวไทยยังไม่ค่อยมีปัญหา แม้หลังโควิดเศรษฐกิจอาจไม่ดี แต่อย่างไรคนไทยก็ยังออกมาเที่ยว เพียงแต่รายจ่ายต่อหัวจะลดลง เพราะคนมีความระมัดระวังมากขึ้น ส่วนโครงการกระตุ้นในประเทศ อย่างเที่ยวไทยคนละครึ่ง ความชัดเจนน่าจะออกมาในเดือน มิ.ย. นี้ ซึ่งจะเน้นกระตุ้นท่องเที่ยววันธรรมดา ช่วงของการดำเนินการอาจอยู่ช่วงเดือน มิ.ย.-ต.ค. งบประมาณน่าจะอยู่ที่กว่า 2,000 ล้านบาท กำหนดสิทธิ์ประมาณ 600,000 สิทธิ” ธีระศิลป์กล่าว