ภาคการท่องเที่ยวเป็นแหล่งรายได้สำคัญของเศรษฐกิจไทย และในปี 2567 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ตั้งเป้าหมายรับนักท่องเที่ยวสูงถึง 40 ล้านคน ภายใต้แคมเปญ ‘IGNITE THAILAND’ ที่มุ่งกระตุ้นการท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศ
นิธี สีแพร รองผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ให้สัมภาษณ์กับ Channel News Asia (CNA) ว่า มาตรการวีซ่าใหม่ที่เรียกว่า ‘Destination Thailand Visa’ หรือ DTV จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวที่เป็น Digital Nomad ซึ่งเป็นกลุ่มที่ทำงานและท่องเที่ยวไปด้วย โดยคาดว่าจะดึงดูดผู้ที่สนใจมาพำนักในประเทศไทยมากขึ้น
ตามข้อมูลจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ประเทศไทยได้จัดเตรียมมาตรการวีซ่าเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวใน 4 ประเภท ได้แก่ Destination Thailand Visa, Non-Ed Plus Visa, Visa on Arrival และ Visa Exemption สำหรับการพำนัก 60 วัน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
การทำงานแบบ Digital Nomad กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น หลังจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้คนหันมาทำงานนอกสถานที่มากขึ้น
Steve Lim ให้สัมภาษณ์กับ CNA ระบุว่า การทำงานจากประเทศไทยผ่านวีซ่าท่องเที่ยวในช่วงแรกนั้นมีความยุ่งยากมาก จึงเปลี่ยนมาขอวีซ่าเพื่อการศึกษาแทน แต่การเปิดตัว Destination Thailand Visa ทำให้การพำนักในประเทศไทยสะดวกขึ้น และเขายินดีที่รัฐบาลไทยตระหนักถึงความสำคัญของกลุ่มแรงงานนี้
CNA รายงานว่า วีซ่าประเภทนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ มีการนำมาใช้แล้วในบางประเทศ เช่น อินโดนีเซีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มาเลเซีย รวมทั้งฟิลิปปินส์ และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี
Peter Guis เจ้าของบริษัทให้บริการด้านวีซ่าในภูเก็ต ยืนยันว่า Destination Thailand Visa มีความยืดหยุ่นสูง ใช้งานง่าย และไม่แพง แต่ยอมรับว่ายังมีความไม่แน่นอนในการนำไปใช้จริง
ในงานสัมภาษณ์ ‘เทรนด์และแนวโน้มการโยกย้ายงานจากผู้หางานทั่วโลก ปี 2567’ ดวงพร พรหมอ่อน กรรมการผู้จัดการ บริษัท Jobsdb by SEEK Thailand ระบุว่า มาตรการวีซ่าใหม่นี้ยังไม่ชัดเจน และยังไม่สามารถวิเคราะห์ได้ว่าจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยอย่างไรบ้าง โดยเฉพาะด้านการตรวจสอบใบอนุญาตทำงานและผลกระทบต่อแรงงานไทย
Paul Pruangkarn นายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก เน้นย้ำถึงความสำคัญของคุณภาพนักท่องเที่ยวมากกว่าปริมาณ โดยชี้ว่า นักท่องเที่ยวที่พักนานมักใช้จ่ายมากขึ้น และช่วยสร้างความยั่งยืนให้กับภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและชุมชน นอกจากนี้เขายังกล่าวถึงโครงการสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินในปี 2568 ว่าจะเป็นการเสริมสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญในการดึงดูดนักท่องเที่ยว
“ผมตกใจที่โครงการนี้ใช้เวลานานมากในการอนุมัติ แต่ก็เข้าใจได้ เพราะมีความท้าทาย อย่างไรก็ตาม รัฐบาลควรตื่นตัวกับการแข่งขันและอยู่นำหน้าประเทศเพื่อนบ้านเราหนึ่งก้าวเสมอ” Paul Pruangkarn กล่าวปิดท้าย
อ้างอิง:
