เข้าสู่วันที่ 6 แล้ว กรณี นิดา พัชรวีระพงษ์ หรือ แตงโม นักแสดงสาวชื่อดัง ตกเรือเสียชีวิตในแม่น้ำเจ้าพระยา หลังสื่อทุกสำนักรายงานข่าวตั้งแต่วันเกิดเหตุ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ก่อนจะพบร่างแตงโมในอีก 2 วันถัดมา จนถึงเวลานี้ ประเด็นการเสียชีวิตยังคงเป็นคำถามคาใจของประชาชน ท่ามกลางประเด็นใหม่ๆ ที่ผุดขึ้นมาตลอดเวลา ล่าสุด มีกรณีของเรื่องเงินประกันอุบัติเหตุ 1 ล้านบาทที่แตงโมทำไว้ก่อนเสียชีวิต รวมถึงคำถามจากสังคม ว่าเหตุที่เกิดขึ้นคืนนั้นความจริงเป็นอย่างไรกันแน่
THE STANDAD รวบรวมประเด็นข่าวความคืบหน้าที่เกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของ ‘แตงโม นิดา’ ที่เกิดขึ้นในรอบวันที่ 2 มีนาคม เพื่อให้เห็นภาพรวมของประเด็นรายวันที่เกิดขึ้นดังนี้
ตำรวจเร่งสอบพยานแวดล้อมคดี รอผลตรวจโทรศัพท์-ร่างกาย 5 คนบนเรือ
เช้าวันนี้ พ.ต.อ. จาตุรนต์ อนุรักษ์บัณฑิต ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธร (สภ.) เมืองนนทบุรี เปิดเผยความคืบหน้าในคดีการเสียชีวิตของ นิดา พัชรวีระพงษ์ หรือ แตงโม ว่าขณะนี้อยู่ระหว่างการเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องและถูกกล่าวอ้างถึงมาสอบปากคำทั้งหมด และให้เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีเพื่อนำไปประกอบในสำนวน
ซึ่งขณะนี้สอบปากคำไปแล้ว 14 ปาก และจะต้องเรียกบุคคลที่เติมน้ำมันเรือสปีดโบ๊ตในวันเกิดเหตุ รวมถึง โบ-สุรัตนาวี ภัทรานุกุล หรือ โบ TK (Triumphs Kingdom) ที่ปรากฏในกล้องวงจรปิด ซึ่งรับปากว่าจะเดินทางมาให้ปากคำแต่ยังไม่ได้นัดหมายวันเวลา รวมถึงจะต้องเรียก ‘บิ๊ก’ ที่มีการสนทนาผ่านทางแชตไลน์กับ กระติก-อิจศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์ ประเด็นที่มีลักษณะให้การปกปิดเรื่องการปัสสาวะบนเรือของแตงโมมาสอบปากคำด้วย
ส่วนความคืบหน้าในการตรวจร่างกายของบุคคลบนเรือทั้ง 5 คน มีผลการตรวจเบื้องต้นแค่ของ จ๊อบ-นิทัศน์ กีรติสุทธิสาธร ส่วนอีก 4 คน ผลการตรวจร่างกายยังอยู่ที่แพทย์โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งจะให้ทีมแพทย์เป็นผู้ชี้แจงในรายละเอียด เช่นเดียวกับผลชันสูตรพลิกศพของแตงโมอย่างเป็นทางการ ซึ่งแพทย์ยังไม่ได้รายงานเป็นเอกสารมาให้พนักงานสอบสวน
ส่วนการตรวจสอบโทรศัพท์มือถือของแตงโมและบุคคลที่อยู่บนเรือทั้ง 5 คน ขณะนี้ตำรวจได้เก็บข้อมูลไปทำการตรวจสอบหมดแล้ว ทั้งรูปภาพ ข้อความการสนทนา ช่วงเวลาของการสนทนา และ GPS ในโทรศัพท์ เพื่อเปรียบเทียบไทม์ไลน์เวลาและข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เนื่องจากรายละเอียดของวัน เวลา และสถานที่ที่อยู่ในโทรศัพท์ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
เจ้าของอู่เรือเข้าให้ปากคำ ยืนยันไม่ได้ทำความสะอาดเรือหลังเกิดเหตุ
เวลาประมาณ 11.00 น. ธนกฤต วงศ์สุวรรณ เจ้าของอู่เรือ NBC เดินทางมาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนในฐานะพยานคดีการเสียชีวิตของแตงโมที่ สภ.เมืองนนทบุรี โดยระบุว่า วันนี้เป็นการมาให้ปากคำอย่างเป็นทางการกับตำรวจ เพราะก่อนหน้านี้ได้ให้ข้อมูลเรื่องเรือไปหมดแล้ว โดยยืนยันว่าในคืนวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ตนได้รับโทรศัพท์จาก ปอ-ตนุภัทร เลิศทวีวิทย์ เวลา 22.30 น. ว่ามีคนตกน้ำ จึงได้เอาเจ็ตสกีออกไปช่วยค้นหาเวลา 23.00 น. แล้วก็ไปเจอทั้ง 5 คนอยู่บนเรือ มีแค่ผู้ชายที่พอพูดรู้เรื่อง ส่วนผู้หญิงอยู่ในภาวะตระหนกตกใจ พูดจาวกวน ไม่ค่อยรู้เรื่อง และตนไม่ได้เห็นใครนั่งสวดมนต์หรือภาวนา หลังจากนั้นก็เป็นไปตามเวลาที่ปรากฏในกล้องวงจรปิดที่ทุกคนแยกย้ายกลับ
ธนกฤตกล่าวอีกว่า ส่วนเรือลำที่เกิดเหตุ ปอได้เอากลับมาจอดผูกไว้ที่โป๊ะเรือหน้าอู่ช่วงประมาณ 01.00 น. แต่เมื่อตนกลับมาหลังค้นหาเวลา 05.00 น. ก็ไม่เห็นมีใครอยู่ที่เรือ ตนจึงนำเรือเข้าไปเก็บในอู่ตามปกติ ซึ่งตนเองไม่ได้ทำความสะอาดเรือและไม่มีแม่บ้านเข้ามาทำความสะอาดเรือด้วย
สำหรับความเร็วของเรือจะมีส่วนทำให้ใบพัดทำงานหรือไม่นั้น ธนกฤตอธิบายว่า หากเข้าเกียร์ว่าง ใบพัดเรือจะหยุดทำงานทันที แต่หากเข้าเกียร์เดินหน้าหรือถอยหลัง ใบพัดก็จะทำงานตามความเร็วของเรือ ทั้งนี้จากประสบการณ์ หากตกลงไปจะสามารถถูกใบพัดฟันได้หรือไม่นั้น ยังบอกไม่ได้ เพราะไม่ได้ขึ้นอยู่กับแค่ความคม แต่ขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นด้วย เช่น กระแสน้ำ ความแรงของน้ำ
พร้อมกันนี้ธนกฤตยังได้ชี้แจงถึงภาพที่ชายบนเรือก้มลงไปข้างเรือ ลักษณะเหมือนจับบางอย่างว่า ปกติแล้วเรือจะมีลูกกันกระแทกหรือเฟนเดอร์อยู่บริเวณด้านหน้าหรือด้านท้าย 2 ฝั่ง ข้างละ 1 ลูก ซึ่งการที่ความสูงของน้ำช่วงระหว่างเรือไม่เท่ากัน ทำให้เฟนเดอร์ไม่เท่ากัน จึงต้องใช้เชือกยาวและเชือกสั้นช่วย โดยที่เชือกสั้นต้องไปอยู่ด้านท้ายเรือ เชือกยาวไปอยู่ด้านหัวเรือ แต่จากภาพเป็นการเอาเชือกยาวมาใส่ด้านท้าย ลูกเฟนเดอร์เลยลอยอยู่กับน้ำ ผิดจากการใช้งานตามปกติที่ต้องอยู่ในแนวตั้ง ชายในภาพจึงพยายามจะขยับให้ลูกเฟนเดอร์ตั้งขึ้น
แม่ของแตงโม เตรียมให้ทนายสอบปม เงินประกันอุบัติเหตุ 1 ล้านบาท ตั้งข้อสังเกต ‘กระติก’ โกหกว่าว่ายน้ำไม่เป็น มีเอี่ยวเงินประกันหรือไม่
พนิดา ศิริยุทธโยธิน แม่ของแตงโม เปิดเผยถึงเรื่องประกันอุบัติเหตุที่แตงโมทำไว้ 1 ล้านบาท หลังเสียชีวิตและคนที่จะได้รับเงินคือลูกสาวของกระติก โดยระบุว่า ตอนนี้ยังตอบไม่ได้ว่าใครจะเป็นคนรับผลประโยชน์ และกำลังจะให้ทนายความตรวจสอบ โดยตอนนี้ลูกสาวกระติกเพิ่งอายุ 6 ขวบ แตงโมยังไม่ได้แจ้งรับเป็นลูกบุญธรรม จึงยังไม่มีเอกสารใดๆ ที่แสดงว่าแตงโมรับลูกกระติกเป็นลูกบุญธรรมถูกต้องตามกฎหมาย ดังนั้นผลประโยชน์หลังเสียชีวิตจึงควรต้องตกเป็นของทายาทหรือบุคคลในครอบครัว
พร้อมตั้งข้อสังเกตด้วยว่า เมื่อคืนกระติกพูดต่อหน้าเธอบอกว่าว่ายน้ำไม่เป็น แต่มีคลิปออกมาเผยแพร่ตามสื่ออย่างที่ทุกคนเห็นว่า ‘ว่ายน้ำเก่งเป็นปลา’ แถมยังพาลูกสาวขี่หลังไว้ด้วย จึงอยากให้สื่อช่วยชั่งน้ำหนักว่านี่คือการโกหกอย่างยิ่งใหญ่ต่อหน้าสื่อมวลชน และยังไปเชื่อมโยงกับเรื่องประกันอุบัติเหตุที่เธอสงสัยว่าทำไมถึงเพิ่งมีการเปิดเผยว่ามีประกันตัวนี้หลังจากแตงโมเสียชีวิตไปแล้ว ซึ่งเธอไม่รู้ว่าแตงโมมอบอะไรให้ลูกกระติกบ้าง
ตอนที่แตงโมยังมีชีวิตอยู่ ถ้าจะซื้อของอะไรที่มีราคาแพงให้ลูกกระติกจะต้องบอกเธอก่อนทุกครั้ง ให้เธอเป็นคนไปซื้อ อย่างเปียโนราคา 3,000 บาท เธอก็เป็นคนไปซื้อให้ตอนวันเกิดลูกกระติก แต่เรื่องประกันอุบัติเหตุนี้เธอไม่รู้เลย จึงตั้งข้อสังเกตว่าเรื่องนี้มีความเป็นไปได้ว่าแตงโมเป็นคนทำประกันและเซ็นเอกสารเองจริง ส่วนรายละเอียดในกรมธรรม์ แตงโมอาจไม่ได้เป็นคนกรอก โดยมีกระติกเป็นผู้ดูแลจัดการให้ เพราะปกติแตงโมจะงานยุ่งมาก ขนาดจะโทรศัพท์หาเธอยังไม่ค่อยมีเวลา
ส่วนเรื่องเมื่อคืนที่ผ่านมา (1 มีนาคม) ที่กระติกมาขอขมา พนิดาเปิดเผยความรู้สึกด้วยเสียงสั่นเครือว่า “แม่โมโหมาก มันโกหกเรื่องว่ายน้ำไม่เก่ง แต่มันว่ายน้ำเป็นปลาเลย และที่นั่งเถียงเมื่อคืนก็นิสัยไม่ดี อยู่บ้านหรือเวลาเจอกันก็ทำเป็นนอบน้อมอ่อนโยน พูดจากับแม่นอบน้อมมาก ไหว้ตลอด แต่พฤติกรรมนั่งเถียงและก้าวร้าวแบบนี้ไม่เคยเห็น เวลาไปร่วมงานหรือไปออกรายการด้วยกัน เขาก็จะนั่งอยู่ของเขา ไม่มีมาเจ๊าะแจ๊ะชวนคุยกับแม่”
พนิดายังบอกด้วยว่า หลังจากนี้เธอจะไม่เดินทางมาที่ สภ.เมืองนนทบุรี แล้ว แต่จะเดินหน้าเรื่องการตรวจสอบเอกสาร ธุรกรรม รวมถึงประกันต่างๆ ที่แตงโมได้ทำเอาไว้ว่ามีอะไรบ้าง โดยจะปรึกษากับทนายความด้วย เพราะบางเรื่องมีความซับซ้อน จึงจำเป็นต้องให้ทนายเข้ามาช่วยเหลือ
หมายเหตุ: ประเด็นข่าวถูกรวบรวม ณ เวลา 16.30 น. หากมีความคืบหน้าในประเด็นอื่นๆ THE STANDARD จะนำเสนอข่าวต่อไป