×

เทปแรก ‘คุยกับเศรษฐา’ นายกฯ เผย ทำงานต่างจากรัฐบาลก่อน ไม่แก้ตัว เดินทางบ่อยเชิญนักลงทุน ย้ำไทยมีศักยภาพ แต่เดินเครื่องไม่เต็มสูบ

โดย THE STANDARD TEAM
22.06.2024
  • LOADING...

วันนี้ (22 มิถุนายน) เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ คุยกับเศรษฐา ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย เปิดเบื้องหลังอัปเดตความคืบหน้าการทำงานของรัฐบาลและตอบทุกข้อสงสัยของประชาชน ซึ่งจะออกอากาศทุกวันเสาร์ที่ 3 ของเดือน เวลา 08.00-08.30 น.

 

โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงจุดมุ่งหมายของการจัดรายการว่า รัฐบาลปัจจุบัน ทุกๆ กระทรวง ทบวง กรม และรัฐมนตรีทุกคน ทำงานกันหนัก และยังไม่มีช่องทางที่จะสื่อสารถึงพี่น้องประชาชนโดยตรง เพื่ออธิบายว่ารัฐบาลทำอะไรไปแล้วและแผนงานระยะยาวคืออะไรบ้าง อย่างน้อยก็จะได้เข้าใจว่ารัฐบาลกำลังทำอะไรอยู่ ตนเชื่อว่านายกรัฐมนตรีหลายท่านก็ทำงานกันหนัก มีทั้งเหนื่อยกาย เหนื่อยใจ เมื่อเสนอตัวเข้ามาแล้ว เรื่องสำคัญคือความเดือดร้อนของประชาชนที่เหนื่อยกว่าเรา และชีวิตของตนเองที่ทำงานมาเกือบ 40 ปี ตลอดระยะเวลาทำงานมาตนเองยึดมั่นใน 2 วินัย คือ วินัยในการทำงานและทำงานให้หนัก

 

เดินทางบ่อย ไฟต์บังคับ

 

ส่วนการเดินทางไปต่างประเทศ ซึ่งมีคนบอกว่าเดินทางจำนวนมากไปเพื่ออะไร นายกรัฐมนตรีระบุว่า ไม่ได้แก้ตัว ไปมา 15 ครั้ง กว่าครึ่งเป็นไฟต์บังคับ เป็นเรื่องของการเดินทางเพื่อแนะนำตัวหรือการเซ็นสัญญา FTA ซึ่งต้องให้เกียรติ ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ 

 

ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่าในรัฐบาลก่อนอาจให้ความสำคัญกับเรื่องอื่นมากกว่า แต่ตอนนี้การค้าระหว่างประเทศ เรื่องของความอ่อนบางทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ ทำให้การลงทุนข้ามชาติมาที่ประเทศไทยเป็นเรื่องสำคัญ ถ้าเราไม่ไปเชื้อเชิญและไปบอกเขาว่าประเทศไทยเปิดแล้ว การลงทุนก็จะไม่เกิด แน่นอนว่าผลในการพูดคุยอาจจะอยู่ในขั้นตอนการพิจารณา บางอันก็จะเกิด บางอันเกิดแน่ๆ บางอันก็ไม่แน่ว่าจะเกิด หรือบางอันก็ไม่เกิดก็มี แต่ต้องทำทั้งหมดทุกประเทศ ทุกบริษัท ที่มีศักยภาพมาลงทุนในประเทศไทยได้ ตรงนี้ถือว่าเป็นหน้าที่ของตนเองในฐานะนายกรัฐมนตรี

 

ภาพรวมเป็นบวก ต่างชาติสนใจลงทุน

 

ทั้งนี้ สำหรับผลการไปต่างประเทศโดยรวมแล้วเป็นบวก เพราะได้รับการยอมรับจากต่างประเทศ ประเทศไทยเหมาะสมสำหรับการลงทุน บางเรื่องได้รับการประสานงานร่วมกันระหว่างผู้แทนการค้าไทย บีโอไอ และหลายๆ หน่วยงาน รวมถึงสถานทูตไทย ได้เชิญชวนกันไปโฆษณาว่าประเทศไทยมีอะไรดี ทำให้เมื่อเขามาลงทุนแล้วเขามั่นใจว่าที่นี่มั่นคง รวมกับเรามีจุดยืนทางการทูตที่จะไม่เป็นคู่ขัดแย้งกับประเทศไหน ในอนาคตมีคู่ขัดแย้ง แล้วประเทศที่ควบคุมโลจิสติกส์ (โครงการแลนด์บริดจ์) การเดินทางทั้งหลาย ไม่เป็นกลาง ใครทะเลาะกับใคร ใครจะเข้าข้างใคร ก็ทำให้เส้นทางการขนถ่ายสินค้าเขามีปัญหา 

 

นายกรัฐมนตรีระบุด้วยว่า การเดินทางไปต่างประเทศไปเพื่อแนะนำตนเอง และที่สำคัญคือ นำมาซึ่งการมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของคนไทยจากการลงทุนที่ต่างชาติจะมาขยายการลงทุนที่ประเทศไทย แต่ว่าทุกๆ อย่างใช้เวลา พร้อมกับการที่เราจะต้องยกระดับทักษะของแรงงานไทย รวมถึงได้นำของฝากจากชาวบ้านไปโชว์ให้ต่างชาติเห็น มอบเป็นของที่ระลึกให้ผู้นำต่างประเทศ รวมทั้งผลักดันสินค้าจากฝีมือของชาวบ้านกับบริษัทชั้นนำระดับโลก

 

ลงพื้นที่รับฟังปัญหาทางตรง

 

ขณะที่การลงพื้นที่ตรวจราชการและการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร นายกรัฐมนตรีระบุว่า เป็นเรื่องที่นายกรัฐมนตรีหลายท่านก็ทำอยู่แล้ว เพื่อรับฟังปัญหาจากประชาชนโดยตรง และเป็นการพบปะข้าราชการในพื้นที่ เพราะต้องการเข้าใจถึงปัญหาจริงๆ ไม่ใช่ฟังแต่รายงานที่มาจากกระดาษ ซึ่งจะเป็นการสร้างความหวังให้ประชาชนในพื้นที่ว่า ถ้าคณะรัฐมนตรีมา จังหวัดข้างเคียงก็จะได้รับอานิสงส์ พร้อมย้ำว่า ไม่ได้เลือกจังหวัดที่จะลงพื้นที่แต่อย่างใด

 

การลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ตหลายครั้ง เนื่องจากนโยบายเรือธงของรัฐบาลเป็นเรื่องการท่องเที่ยว ซึ่งจังหวัดภูเก็ตเป็นจังหวัดที่ทำรายได้สูงมากให้กับประเทศและมีศักยภาพสูงมากๆ จึงต้องช่วยแก้ไขปัญหา ทั้งเรื่องของน้ำประปา เรื่องขยะ เรื่องสนามบิน เรื่องถนน เรื่องมาเฟีย เรื่องความมั่นคง และความปลอดภัย 

 

เซอร์ไพรส์ตรวจงาน ช่วยแก้ปัญหา

 

ส่วนการลงพื้นที่ตรวจราชการในหลายๆ พื้นที่โดยไม่ได้บอกล่วงหน้าถือเป็นเรื่องสำคัญ จะได้ไม่มีการเตรียมการ ซึ่งไม่ใช่การจับผิด แต่ก่อนที่ตนเองจะมาเป็นนักการเมือง บริษัทเก่าก็ทำอย่างนี้ เวลาไปตรวจงานก็จะไปแบบไม่มีการประกาศล่วงหน้า จะได้เห็นสถานภาพที่จริงมากกว่า แล้วมาแก้ไขปัญหากัน เช่น สนามบินสุวรรณภูมิเคยเป็นสนามบินระดับท็อปๆ ของโลก แต่อันดับตกไปจำนวนมาก แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่มีศักยภาพที่จะเติบโตต่อไปได้ สนามบินสุวรรณภูมิพัฒนาได้อีก พัฒนาดีขึ้นเยอะ 

 

“ไปถึงก็ไม่ใช่ไป ขอโทษนะ ไปด่าเขา ไปว่าเขานะ เราไปนั่งพูดคุยกันดีกว่าว่าปัญหามันคืออะไร ใช่ไหมครับ เราก็จะได้เห็นจริงๆ และช่วยแก้ไขจริงๆ” นายกรัฐมนตรีกล่าว

 

ทำงานเอกชนต่างจากราชการ

 

นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงการแก้ไขปัญหาตอนเป็นผู้บริหารของบริษัทเอกชนกับตอนเป็นนายกรัฐมนตรีว่ามีความต่างกัน ภาคเอกชนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทางธุรกิจก็แตกต่างกันออกไป แต่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในภาครัฐบาลก็มีมากกว่า ต้องระมัดระวังทางด้านขั้นตอนต่างๆ ต้องถูกต้อง เป็นไปตามระเบียบ เพราะในการทำงานก็มีกลไกทางราชการ ซึ่งเราต้องเคารพ มีองค์กรอิสระตรวจสอบก็เยอะ ขณะเดียวกันบางปัญหาก็ไม่สามารถแก้ได้ด้วยอะไรที่รวดเร็วทันใจ เพราะเป็นระบบราชการ ซึ่งเรามาอยู่ตรงนี้ก็ต้องยอมรับ

 

เชื่อว่าไทยมีศักยภาพสูง แต่ยังเดินหน้าไม่เต็มสูบ

 

“ประเทศไทยจริงๆ แล้วเหมือนกับเป็นประเทศที่มีศักยภาพสูงมาก เหมือนรถที่ยังไม่วิ่งเต็มสูบ เหมือน Ferrari 12 สูบ แต่วิ่งอยู่แค่ 6-7 สูบเท่านั้น แล้ว 6-7 สูบเราก็เดินหน้ากันเต็มที่ แต่เราก็ต้องค่อยๆ ทำกันไป เพราะอย่างที่บอกมีหลายเรื่อง ไม่ใช่ทำเองได้ ตัดสินใจภายในคนเดียวได้” นายกรัฐมนตรีกล่าว

 

สั่งศึกษาไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ – Entertainment Complex

 

นายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า ทุกคนบ่นเรื่องค่าไฟแพง ค่าไฟที่ถูกที่สุดคือพลังงานนิวเคลียร์ ซึ่งทุกคนก็บอกว่าอยากได้ แต่ว่าอย่ามาอยู่บ้านฉัน ไปอยู่บ้านคนอื่น ตนเองก็เริ่มต้นค้นคว้า ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำความเข้าใจกับประชาชนว่านี่คือเรื่องที่เรากำลังดูอยู่ และก็มีหลายๆ เรื่อง เช่น Entertainment Complex ซึ่งเป็นธุรกิจสีเทาดำ อยู่ใต้ดินเป็นล้านล้าน เราจะยอมให้มีธุรกิจแบบนี้อยู่ต่อไปหรือ หรือเราจะยกมาบนดินแล้วเก็บภาษีให้ถูกต้องและควบคุมความประพฤติ ควบคุมเรื่องอาชญากรรม ซึ่งตนเองคิดว่าถึงเวลาแล้วหรือยังที่ประเทศต้องยอมรับเรื่องพวกนี้ เพราะประเทศอื่นเขาก็มีแล้ว

 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X