การลงสนามในเกมพรีเมียร์ลีกนัดแรกของ ทาคุมิ มินามิโนะ ไม่ได้เป็นไปอย่างสวยสดงดงามเหมือนในนิทานสักเท่าไร
‘ทาคิ’ (ชื่อเล่นที่เขาถูกเรียกในยุโรป) ได้โอกาสเปิดตัวแบบไม่ทันตั้งตัวในเกมกับวูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส ที่สนามโมลินิวซ์ กราวด์ เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา หลัง ซาดิโอ มาเน กองหน้าคนสำคัญของลิเวอร์พูลได้รับบาดเจ็บ และลงเล่นต่อไม่ไหว นั่นทำให้ เจอร์เกน คล็อปป์ นายใหญ่ตัดสินใจส่งเขาลงสนามทันที ซึ่งความจริงแล้วเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจ เพราะปกติแล้วหากมีการเปลี่ยนแปลงผู้เล่นในแนวรุก คนแรกที่จะได้โอกาสมักจะเป็น ดิว็อค โอริกิ ก่อนเสมอ
สตาร์ชาวญี่ปุ่นเพิ่งย้ายมาในช่วงปีใหม่แบบสุดเซอร์ไพรส์ และกลายเป็นปรากฏการณ์ ‘มินามิโนะฟีเวอร์’ เนื่องจากแฟนๆ ได้เห็นฟอร์มการเล่นที่น่าประทับใจในเกมที่ลิเวอร์พูลพบกับเรด บูล ซัลซ์บวร์ก มา 2 นัดมาแล้ว แถมย้ายมาด้วยค่าตัวสุดคุ้มค่าแค่ 7.25 ล้านปอนด์ แต่โอกาสลงสนามนัดแรกของเขาในเกมเอฟเอคัพ กับเอฟเวอร์ตัน เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา เห็นได้ชัดว่าเขายังไม่สามารถปรับตัวเข้ากับเกมฟุตบอลอังกฤษ และสไตล์การเล่นของลิเวอร์พูล
โอกาสครั้งที่สอง และเป็นโอกาสครั้งแรกในเกมพรีเมียร์ลีกของมินามิโนะ หลายคนจึงแอบคาดหวังว่าเขาจะทำได้ดีขึ้นหลังจากที่ได้มีเวลาฝึกซ้อม และอยู่ในทีมมาเกือบครบหนึ่งเดือน
แต่มันก็ไม่ได้เป็นแบบนั้น ตลอดช่วงครึ่งแรกที่เขาได้ไปประจำการแทน มาเน มินามิโนะ ไม่สามารถสร้างจังหวะการเล่นที่อันตราย ไม่สามารถหาพื้นที่ หาช่อง หรือทำอะไรในแบบที่เขาเคยทำได้ในการสร้างสรรค์เกมให้กับสโมสรเก่าเลย
ในครึ่งหลังคล็อปป์ปรับตำแหน่งเล็กน้อยให้ลงมายืนที่กลางสนามแทน โดยสลับตำแหน่งกับ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน และช่วยให้ปรับตัวและมีส่วนร่วมกับเกมได้มากขึ้น แต่ก็ยังห่างไกลจากสิ่งที่แฟนๆ คาดหวังอยู่พอสมควร
อย่างไรก็ดีสิ่งที่มินามิโนะ กำลังเผชิญอยู่ในเวลานี้ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ เพราะสตาร์หลายคนในทีมลิเวอร์พูลเองก็ต้องผ่านช่วงเวลาแบบนี้มาแล้วทั้งนั้น
แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ตัวอย่างที่ ทาคุมิ มินามิโนะ ต้องศึกษา
ตัวอย่างแรกคือ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ฟูลแบ็กซ้ายที่ย้ายมาจากฮัลล์ ซิตี้ แบบไม่มีใครคาดคิดและคาดหวัง ดาวเตะทีมชาติสกอตแลนด์ได้โอกาสลงเล่นในเกมที่ 2 ของฤดูกาล 2017-18 ซึ่งลิเวอร์พูลเอาชนะคริสตัล พาเลซ ได้ 1-0 โดยทำผลงานได้น่าประทับใจ จนได้รางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำเกม
แต่หลังจากนั้นโรเบิร์ตสัน ถูกดรอปเป็นตัวสำรองในอีก 2 นัดต่อมา ก่อนจะได้โอกาสลงเล่นในเกมถัดมากับเบิร์นลีย์ แล้วถูกดรอปพ้นทีมอีก 7 จาก 9 นัด โดยมี 2 นัดที่มีชื่อสำรอง แต่ไม่ได้โอกาสลงสนาม
ช่วงนั้นเป็นช่วงยากลำบาก ที่แม้กระทั่งตัวของกัปตันวิสกี้เองยอมรับว่ารู้สึกไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
จนกระทั่งถึงวันที่ 2 ธันวาคม โรเบิร์ตสันได้กลับมาเป็นตัวจริงอีกครั้ง และได้ลงสนามครบ 90 นาที ในเกมที่ลิเวอร์พูลถล่มไบรท์ตัน 5-1 ก่อนจะกลายเป็นฟูลแบ็กซ้ายเบอร์หนึ่งของทีม และก้าวขึ้นมาเป็นสตาร์ระดับโลกในเวลานี้
อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน เป็นอีกหนึ่งคนที่เจอกับเรื่องแบบนี้เหมือนกัน เมื่ออดีตดาวโรจน์ของวงการฟุตบอลอังกฤษ ซึ่งย้ายมาจากอาร์เซนอล ได้โอกาสลงเล่นตัวจริง 3 นัด แต่หลังจากนั้นถูกดรอปเป็นตัวสำรองถึง 7 นัด
หลังจากนั้นอ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน จึงค่อยๆ ปรับตัวเข้ากับทีมได้ และกลายเป็นคีย์แมนของทีม ก่อนจะได้รับบาดเจ็บร้ายแรงในเกมยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก กับโรมา ในเดือนเมษายน 2018 จนต้องพักการเล่นเกือบตลอดฤดูกาลต่อมา แต่สุดท้ายก็กลับมามีบทบาทในทีมอีกครั้งเวลานี้
ตัวอย่างสุดท้ายสำหรับมินามิโนะคือ ฟาบินโญ กองกลางตัวรับทีมชาติบราซิล ที่ลิเวอร์พูลคว้าตัวมาจากโมนาโกเมื่อฤดูกาลที่แล้ว และได้มีชื่อเป็นตัวสำรองในเกมแรกที่พบกับเวสต์แฮมทันที แต่หลังจากนั้นถูกตัดออกจากทีมในอีก 3 นัดต่อมา และมีชื่อเป็นตัวสำรองอีก 4 นัด
กว่าที่ฟาบินโญ จะได้โอกาสลงเล่นตัวจริงก็ต้องรอถึงเดือนตุลาคม ในเกมที่ชนะคาร์ดิฟฟ์ 4-1 ที่แอนฟิลด์ ก่อนจะกลายเป็นกำลังสำคัญของลิเวอร์พูลในเวลาต่อมา โดยก่อนหน้าจะบาดเจ็บเมื่อกลางฤดูกาล กองกลางฮาร์ดแมนแซมบ้าได้รับการยกย่องว่าเป็นกองกลางตัวรับที่ดีที่สุดคนหนึ่งของโลกไปแล้ว
จากตัวอย่างทั้ง 3 คนที่กล่าวมา อาการเล่นไม่ออกของมินามิโนะจึงไม่ใช่เรื่องแปลก และเขาอาจจะต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่กว่าที่จะเริ่มแสดงฝีเท้าที่โดดเด่นสมกับความคาดหวังของแฟนๆ ได้
ส่วนหนึ่งเป็นเรื่องของการปรับตัวกับฟุตบอลอังกฤษ ซึ่งเป็นลีกที่เล่นกันด้วยความเร็วสูง แตกต่างจากทุกลีกบนโลก ขณะที่อีกส่วนที่สำคัญกว่าคือการปรับตัวเข้ากับระบบการเล่นของลิเวอร์พูล ซึ่งมีรายละเอียดในการเล่นที่ซับซ้อน
สิ่งที่มินามิโนะจำเป็นต้องทำคือ อดทนและเรียนรู้อย่างตั้งใจ ซึ่งเจ้าตัวก็พร้อมที่จะสู้เต็มที่ เพื่อตอบแทนความไว้วางใจของเจ้านายชาวเยอรมัน
“ผมรู้สึกได้ถึงความไว้ใจที่ผู้จัดการทีมมีต่อผม และผมก็อยากที่จะตอบแทนเขา” มินามิโนะ กล่าว “โดยส่วนตัวแล้วผมไม่ค่อยพอใจกับผลงานของผมนัก (ในเกมกับวูล์ฟส์) ดังนั้นผมอยากจะทำให้ได้อย่างที่คนคาดหวังในตัวผม
“สภาพจิตใจของผมพร้อมที่จะลุย และสิ่งที่ผมคิดตลอดเวลาตอนนี้ คือการหาทางปรับตัวเข้ากับทีมให้ดี และมีส่วนในเกม ผมไม่รู้สึกกดดันอะไร ผมเองก็ไม่แน่ใจว่าความคาดหวังในตัวผมมีแค่ไหน แต่ผมไม่มีอะไรต้องเสีย”
สำหรับคล็อปป์ การได้เห็นสตาร์ทีมชาติญี่ปุ่นลงสนามในเกมพรีเมียร์ลีกนัดแรกนั้นถือว่าเป็น ‘ก้าวที่ยิ่งใหญ่’ แล้ว “เราต้องคิดว่าเราจะทำอย่างไร เพราะเขาลงเล่นยาวกว่าที่เราคิด เกมเมื่อคืนวันพฤหัสฯ เป็นก้าวสำคัญของเขา”
คล็อปป์ ยังได้ชี้ให้เห็นถึง 4 จุดที่มินามิโนะแสดงให้เห็น และเขารู้สึกประทับใจนั่นคือ จิตใจที่แข็งแกร่ง การสู้เหมือนคนบ้า การพยายามปิดพื้นที่ และ ความสารพัดประโยชน์
คืนนี้ (อาทิตย์ที่ 26 มกราคม) ลิเวอร์พูล มีคิวจะลงสนามพบกับชรูว์สบิวรี ในศึกเอฟเอคัพ ซึ่งยังไม่แน่ชัดว่ามินามิโนะจะได้โอกาสลงสนามร่วมกับกลุ่มนักเตะที่หายจากอาการบาดเจ็บ หรือต้องการการเคาะสนิมในสนามอย่าง เดยัน ลอฟเรน, โจเอล มาทิป, อดัม ลัลลานา, ฟาบินโญ และดิว็อค โอริกิ รวมถึงดาวรุ่งอย่าง เคอร์ติส โจนส์, ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์, เนโก วิลเลียมส์ หรือไม่ เพราะจ่าฝูงพรีเมียร์ลีกยังต้องลงสนามพบกับเวสต์แฮมในคืนวันพุธ และจะต้องพบกับเซาแธมป์ตันต่อในคืนวันเสาร์
สิ่งที่แน่ชัดกว่าคือ ยังมีอีกหลายเรื่องที่มินามิโนะต้องเรียนรู้และต้องปรับตัว แต่ถ้าดูจากกรณีศึกษาของโรเบิร์ตสัน, อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน และฟาบินโญแล้ว แฟนลิเวอร์พูลยังมีความหวังจะได้เห็นผลงานที่ดีของซามูไรยอดนักเตะคนนี้ สิ่งที่ต้องทำไม่มีอะไรมากกว่าแค่อดทนรอเวลาเท่านั้น
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง:
- www.liverpoolecho.co.uk/sport/football/football-news/takumi-minamino-should-look-fabinho-17619059
- www.teamtalk.com/news/minamino-performance-drives-jurgen-klopp-crazy
- ถึงจะดูเล่นไม่ดีนัก แต่ตัวเลขสถิติในเกมกับวูล์ฟส์ของมินามิโนะไม่ขี้เหร่ ในการผ่านบอล 29 ครั้ง สำเร็จถึง 27 ครั้ง (93%) เลี้ยงผ่านคู่ต่อสู้ 2 ครั้งได้ทั้งหมด, สกัดบอลอีก 2 ครั้ง และได้ยิง 1 ครั้ง ซึ่งเข้ากรอบด้วย
- มินามิโนะ ตกเป็นข่าวฮือฮาในโลกสังคมออนไลน์ว่ากำลังคบหาดูใจกับ ยานางิ ยูรินะ ดาราและนางแบบสาวชาวญี่ปุ่น ซึ่งมีข่าวว่าเอเจนต์ของทั้งสองยอมรับว่าทั้งคู่ดูใจกันอยู่จริง