ไล่ชิงเต๋อ ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของไต้หวันจากพรรคหมินจิ้นตั่ง (DPP) เตรียมเข้ามาสานต่อนโยบายจากประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน ซึ่งจะหมดวาระในเดือนพฤษภาคม ท่ามกลางช่วงเวลาอันท้าทายทั้งเรื่องของเศรษฐกิจ ปากท้อง ข้าวของแพง ค่าแรงถูก และแรงกดดันจากจีน
ไล่ชิงเต๋อได้คะแนนโหวต 40.2% ขณะที่ โหวโหย่วอี๋ ได้อันดับ 2 ได้คะแนนโหวต 33.4% และ เคอเหวินเจ๋อ จากพรรค TPP ได้ 26.4%
ไล่ชิงเต๋อเกิดเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 1959 ในเขตว่านหลี่ เมืองนิวไทเป เขาเติบโตมาในครอบครัวที่มีแม่คอยเลี้ยงดูเพียงลำพัง เนื่องจากพ่อของไล่ชิงเต๋อเสียชีวิตจากอุบัติเหตุที่เหมืองแร่เมื่อเขาอายุได้เพียงแค่ 2 ขวบเท่านั้น
สำหรับประวัติด้านการศึกษาของชายผู้นี้ถือว่าโดดเด่นอยู่ไม่น้อย ไล่ชิงเต๋อจบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยแห่งชาติไต้หวัน ในสาขาเวชศาสตร์ฟื้นฟู หลังจากนั้นก็ได้ศึกษาต่อในหลักสูตร Post-Bachelor Program ที่มหาวิทยาลัยแห่งชาติเฉิงกง ในสาขาวิทยาศาสตร์การแพทย์ ก่อนที่จะเข้าศึกษาต่อระดับปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สาขาสาธารณสุขศาสตร์ ทำให้ดีกรีด้านการแพทย์ของเขาถือว่าไม่ธรรมดา โดยไล่ชิงเต๋อถือเป็นเจ้าหน้าที่การแพทย์เพียงไม่กี่คนในไต้หวันที่มีความเชี่ยวชาญทั้งด้านเวชศาสตร์ฟื้นฟู การดูแลทางคลินิก และความเชี่ยวชาญด้านสาธารณสุข
แต่ในช่วงปลายทศวรรษ 1980 อันเป็นช่วงเวลาที่ไต้หวันยกเลิกการใช้กฎอัยการศึกและเปลี่ยนผ่านมาสู่ระบอบประชาธิปไตย ไล่ชิงเต๋อก็ตัดสินใจเบนเข็มจากเส้นทางสายการแพทย์ และเดินหน้าเข้าสู่ถนนการเมืองเต็มตัว ด้วยความหวังว่าตนเองจะมีบทบาทในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย โดยเขาได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติ ก่อนที่จะไต่เต้าขึ้นมาเป็นนายกเทศมนตรีเมืองไถหนาน และก้าวขึ้นมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีระหว่างปี 2017-2019 ต่อด้วยตำแหน่งรองประธานาธิบดีไต้หวันในช่วงปี 2020 ถึงปัจจุบัน
สำหรับท่าทีต่อจีนนั้น ตลอดเส้นทางการเมืองของไล่ชิงเต๋อเป็นที่รู้กันดีว่า เขาถือเป็นนักการเมืองคนหนึ่งที่แสดงท่าทีสนับสนุนเอกราชของไต้หวันอย่างชัดแจ้ง อย่างไรก็ดี ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ สื่อตั้งข้อสังเกตว่าเขาได้มีการ ‘แตะเบรก’ ลงเล็กน้อย โดยจุดยืนในปัจจุบันของเขาคือการให้คำมั่นว่าจะให้ความสำคัญในการรักษาสถานะที่เป็นอยู่ในปัจจุบันของไต้หวัน โดยยืนยันว่าไต้หวันเป็นประเทศที่มีอธิปไตยและเอกราชเป็นของตนเอง แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่มีแผนที่จะพาไต้หวันประกาศเอกราช และไม่คิดว่ามีความจำเป็นที่จะต้องทำเช่นนั้น
อย่างไรก็ตาม จีนก็ยังคงมองว่าชายผู้นี้เป็นพวกฝักใฝ่การแบ่งแยกดินแดน แถมยังมาพร้อมแนวคิดที่จะเผชิญหน้ากับจีนด้วย
การที่ไล่ชิงเต๋อได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำคนใหม่ จะทำให้อุณหภูมิของช่องแคบไต้หวันเบาบางลงหรือร้อนระอุขึ้นกว่าเดิม ต้องจับตา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เกาะติดข่าว เลือกตั้งไต้หวัน 2024 ได้ที่ Facebook : https://www.facebook.com/thestandardth และ YouTube : https://www.youtube.com/@TheStandardNews/