รัสเซียส่งเครื่องบินรบโจมตีกลุ่มกบฏในจังหวัดอิดลิบของซีเรียเมื่อวานนี้ (7 ก.ย.) ขณะที่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ได้ปฏิเสธข้อเรียกร้องของรัฐบาลตุรกี ที่ขอให้หยุดยิงฐานที่มั่นสุดท้ายของกลุ่มกบฏที่ต้องการโค่นล้มระบอบการปกครองของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ผู้เป็นพันธมิตรของรัสเซียและอิหร่าน
การโจมตีทางอากาศระลอกใหม่มีขึ้นต่อเนื่องจากที่มีรายงานเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า เครื่องบินขับไล่ของรัสเซียได้บอมบ์โจมตีที่มั่นของฝ่ายกบฏในจังหวัดอิดลิบ, ลาตาเกีย และที่ราบชาห์ล อัล-กาบ รวมว่า 30 ครั้ง ขณะที่ทหารกองทัพซีเรียและพันธมิตรได้เดินหน้าบดขยี้ศัตรูของอัล-อัสซาดอย่างต่อเนื่อง จนประธานาธิบดีตอยยิป แอร์โดอัน ของตุรกี เกิดความวิตกว่า หากสถานการณ์เป็นเช่นนี้ต่อไปจะเกิดวิกฤตด้านมนุษยธรรมระลอกใหม่ และทำให้มีผู้ลี้ภัยไหลทะลักเข้าไปในตุรกีผ่านชายแดนภาคใต้อีกครั้ง
แม้ว่าตุรกีจะถูกมองว่าให้การหนุนหลังฝ่ายกบฏของซีเรียเสมอมา แต่ความกังวลดังกล่าวทำให้ผู้นำตุรกีต้องเรียกร้องให้รัสเซียหยุดยิง และมีการจัดประชุมสามฝ่ายหรือไตรภาคีขึ้นระหว่างรัสเซีย อิหร่าน และตุรกี ที่กรุงเตหะรานเมื่อวานนี้ อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีปูตินมองว่า รัสเซียจำเป็นต้องเดินหน้ากวาดล้าง ‘กลุ่มก่อการร้าย’ ในจังหวัดอิดลิบต่อไป
ด้านกลุ่มผู้สังเกตการณ์สถานการณ์ในซีเรียเผยว่า การบอมบ์โจมตีของเครื่องบินรบรัสเซียเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ถูกที่มั่นของกลุ่มนักรบญิฮาด ฮายัต ตาห์รีร์ อัล-ชาม (HTS) และอาห์ราร์ อัล-ชาม ด้วยจุดประสงค์ที่จะทำลายป้อมปราการของฝ่ายกบฏ ขณะที่กลุ่ม HTS ประกาศกร้าวว่า จะโจมตีกลับ โดยกลุ่มนักรบดังกล่าวอยู่ในรายชื่อกลุ่มก่อร้ายของสหประชาชาติ ปัจจุบันมีนักรบประมาณ 10,000 คนในจังหวัดอิดลิบ
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง:
