วานนี้ (27 มิถุนายน) สุทิน คลังแสง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ในรายการ THE STANDARD NOW ดำเนินรายการโดย อ๊อฟ-ชัยนนท์ หาญคีรีรัตน์ ถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยไม่ยกตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรให้พรรคก้าวไกล และการจัดตั้งรัฐบาล
สุทินกล่าวว่า ช่วงการคุยเรื่องประธานสภาครั้งแรก พรรคเพื่อไทยยังไม่มีการรับรองสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) อย่างเป็นทางการ จึงทำให้แกนนำพรรคตัดสินว่าพรรคอันดับ 1 ควรได้ประธานสภา
อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการประชุมกับ ส.ส. ของพรรคอย่างเป็นทางการ เห็นว่าไม่ควรยกตำแหน่งประธานสภาให้พรรคอันดับ 1 เพียงอย่างเดียว ทำให้พรรคเพื่อไทยได้ขอประชุมอีกรอบเพื่อให้ทุกคนได้ทบทวนและตัดสินใจอีกครั้ง ซึ่งสุดท้ายมติยังคงเป็นแบบเดิม ฉะนั้น พรรคเพื่อไทยจึงต้องตัดสินใจดังกล่าวโดยยึดหลักและดำรงไว้ซึ่งประชาธิปไตยภายในพรรค
สุทินระบุว่า พรรคเพื่อไทยเข้าใจในกระแสนิยมที่ประชาชนหลายคนไม่เห็นด้วย ซึ่งพรรคเพื่อไทยก็ทราบอยู่แล้วว่าคงต้องเจอเรื่องแบบนี้ แต่พอเวลาผ่านไป หรือสถานการณ์เปลี่ยนไป เชื่อว่าอนาคตสังคมจะเข้าใจในเหตุผลนี้มากขึ้น
“พอสุดท้ายจบแล้วก็จะเข้าใจว่าไม่ใช่อย่างนั้น ก็ต้องอดทนเพื่อพิสูจน์ให้เห็น คนหนุ่มมีความคิดไปไกลมาก ถ้าจะลงเรือลำเดียวกัน พี่ก็มีเครื่องมือประคับประคอง ก็ดีกว่าจะมีคนหนุ่มที่จะมีอำนาจเต็มที่และไม่มีการถ่วงดุลอำนาจเกิดขึ้น พี่กับน้องประคับประคองไปก็จะเป็นรัฐบาลที่ไว้วางใจมากยิ่งขึ้น” สุทินกล่าว
ขณะที่ประเด็นการเดินทางกลับมาประเทศไทยของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี สุทินเปิดเผยว่า จะเห็นได้ว่าการลงนามข้อตกลงร่วม (MOU) ของ 8 พรรคการเมือง (22 พฤษภาคม) พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคเดียวที่คัดค้านเรื่องการทำนิรโทษกรรม เพราะไม่อยากให้ประชาชนเข้าใจว่า MOU นี้เอื้อผลประโยชน์กับทักษิณ ถ้าจะกลับมาก็เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ไม่เกี่ยวข้องกับการจัดตั้งรัฐบาลใดๆ ทั้งสิ้น
ส่วนกระแสข่าวที่พรรคเพื่อไทยจะดัน สุชาติ ตันเจริญ ส.ส.บัญชีรายชื่อ เป็นประธานสภา และ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เป็นนายกรัฐมนตรี สุทินเผยว่า เรื่องนี้เกิดจาก 2 ประเด็น ได้แก่
- ประชาชนคิดหวาดระแวงเกินไป
- การปั่นกระแสกันเองของกลุ่ม IO
สำหรับการจะฟันธงว่าพรรคก้าวไกลเป็นฝ่ายค้าน ต้องอยู่ที่สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ถ้าไม่เลือก พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรีก็มีความเป็นไปได้ แต่ยืนยันว่า 8 พรรคร่วมฯ เลือกพิธาเป็นนายกฯ แน่นอน
สุทินกล่าวถึงปัจจัยของ ส.ว. ที่ทำให้พรรคเพื่อไทยเป็นฝ่ายค้านว่า ถ้า 8 พรรคร่วมฯ มาทบทวนว่าแคนดิเดตนายกฯ คนที่ 1 ของฝ่ายตนเองสู้ไม่ได้ก็จะเกิด 2 ทางเลือก คือ
- เพื่อไทยยอมฝ่ายค้านกับอีก 8 พรรคร่วมฯ ปล่อยให้อีกฝ่ายเป็นรัฐบาลไป
- 8 พรรคร่วมฯ ไม่ยอมเพื่อสานฝันประชาชน ก็จะปรับสูตรสู้ เช่น สลับคนอื่นๆ มาเป็นแคนดิเดตนายกฯ ซึ่งยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยและก้าวไกลจะจับมือไปด้วยกัน ไม่ว่าอยู่ในสถานการณ์ใดก็ตาม
สุทินยืนยันอีกว่า สถานการณ์ดังกล่าวจะจบลงด้วยดี ไม่ถึงขั้นฉีก MOU หรือฟรีโหวต เพราะทั้ง 8 พรรคมีเป้าหมายเดียวกัน คือตั้งรัฐบาลให้ได้ และสานฝันประชาชนให้สำเร็จ เมื่อมีเป้าหมายเดียว เชื่อว่าจะมีทางออกที่จะไม่หันหลังให้กัน และพูดคุยรู้เรื่องอย่างแน่นอน
