วันนี้ (7 กันยายน) สุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยภายหลังเข้าพบ พล.อ. ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่ามาขอพรและมาเยี่ยมเยียน ซึ่งท่านได้ให้กำลังใจ และดีใจที่เห็นตนมานั่งเก้าอี้นี้ รวมถึงมั่นใจว่าตนจะทำงานได้ ซึ่ง พล.อ. ชวลิตบอกให้เชื่อมั่นในตัวเอง ทำให้ตนมีกำลังใจในการทำงานมากขึ้น และถ้ามีโอกาสจะมาหาอีกเพื่อพูดคุยเรื่องภายในกองทัพ ซึ่งตนเคยพบปะ พล.อ. ชวลิต ตั้งแต่อยู่พรรคไทยรักไทย ยังชวนกันไปตีกอล์ฟอยู่เลย ท่านก็จำได้
สุทินยังกล่าวอีกว่า หากเป็นไปได้วันที่เข้าทำงานในกระทรวงกลาโหมวันแรกอยากจะเชิญ พล.อ. ชวลิตไปนั่งเก้าอี้ก่อน เพื่อเป็นการเจิมเพราะท่านเป็นทหารรุ่นเก่าเพียงไม่กี่คนที่ถือเป็นสัญลักษณ์ของทหาร เก่งทั้งทหารอาชีพและงานด้านการเมือง โดยมองว่าคือปูชนียบุคคลน่าจะเป็นสิริมงคล ซึ่ง พล.อ. ชวลิตก็หัวเราะพร้อมปฏิเสธว่าไปไม่ได้ ติดปัญหาเรื่องสุขภาพ
สุทินยังกล่าวถึงการผลักดันนโยบายว่า มีเรื่องหนึ่งที่ตนสนใจ คือการพัฒนาอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ซึ่งอยากเชิญทหารเก่งๆ ทหารสมัยใหม่ มาเชื่อมโยงกับนักวิทยาศาสตร์ นักเทคโนโลยี ด้วยการตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 1 คณะ และจะอัปเกรดเทคโนโลยีของกองทัพ ให้เป็นกองทัพสมัยใหม่ และจะโฟกัสเรื่องนี้ให้ดี
ส่วนกรณีที่มีรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง ที่อยู่ในพรรครวมไทยสร้างชาติ ยืนยันว่าไม่มีปัญหา เพราะอยู่ภายใต้นายกฯ คนเดียวกัน อีกทั้งนโยบายก็ได้หลอมรวมกันแล้ว ขณะเดียวกันนายกฯ ก็ได้เน้นย้ำความเท่าเทียมของแต่ละสถาบัน ซึ่งได้พูดตั้งแต่ก่อนเลือกตั้งแล้ว
สุทินยอมรับด้วยว่า มีทหารที่จะมาทำงานด้วยเป็นจำนวนมาก โดยได้แบ่งเป็นคณะทำงานและทำตามนโยบาย เช่น คณะทำงานชุดยกเลิกการเกณฑ์ทหาร คณะทำงานชุดปรับโครงสร้างกำลังพล คณะทำงานอัปเดตเทคโนโลยี เป็นเรื่องๆ ไป เพราะตอนนี้มีนายพลเยอะ อยู่กับตนเป็นกองพลหนึ่งแล้วมั้ง แต่ยังไม่ได้มอบหมายใคร เพราะอยู่ระหว่างการจัดคณะทำงานอยู่ มี พล.อ. อยู่ประมาณเกือบ 100 คน ไหนจะ พล.ท. และ พล.ต. อีก ซึ่งตนก็ไม่หนักใจ เพราะเขาทำงานเป็นระบบ คนที่ยังอยู่ในราชการก็ทำงานกันไป ส่วนนอกราชการก็ตั้งเป็นทีมงาน
สุทินกล่าวว่า ขณะนี้เริ่มปรับตัวในการทำงานได้แล้วและคุ้นชินมากขึ้น แต่อาจต้องใช้เวลาเพราะช่วงนี้ยังไม่ลงตัว แต่เชื่อว่าสัปดาห์หน้าก็จะชัดเจน คนติดตามก็จะน้อยลง ในเรื่องการดูแลรักษาความปลอดภัยก็ประมาณวันละ 3-4 คน และขณะนี้ได้เปลี่ยนมาใช้รถประจำตำแหน่งแล้ว
“ส่วนกันกระสุนหรือไม่ ไม่รู้นะ ผมคิดว่าคงไม่มีกระสุนมาหา แค่อยากลองใช้ดู ก็ถือเป็นครั้งแรกที่ได้นั่งรถเบนซ์” สุทินกล่าว
ส่วนจุดยืนของกองทัพเกี่ยวกับสถานการณ์ในประเทศเพื่อนบ้านอย่างเมียนมา และการสร้างจุดสมดุลระหว่างสองขั้วมหาอำนาจ มีคณะทำงานที่กำลังศึกษาร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ ถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และหลังจากที่ตนได้เข้าทำงานที่กระทรวงกลาโหมแล้ว คณะทำงานชุดนี้จะสรุปให้ฟังว่าปัญหาเมียนมาจะเอาอย่างไร
สำหรับปัญหาเรื่องเรือดำน้ำ สุทินย้ำว่านายกฯ จะมีทางออกที่เหมาะสม และสังคมไม่ผิดหวัง อาจเป็นไปได้ที่นายกฯ จะใช้เวทีการประชุมสหประชาชาติ เชื่อว่านายกฯ มีทางออกที่ดี ขณะเดียวกันก็ถือเป็นโอกาสที่ดีในการพบปะกับนานาชาติ เรื่องไหนที่เป็นประโยชน์ เรื่องไหนที่จะแก้ปัญหาได้ ท่านคงทำโดยเฉพาะเรื่องของเมียนมา
เมื่อถามว่ามีความเป็นไปได้หรือไม่ที่จะเจรจากับเยอรมนีให้ขายเครื่องยนต์เรือดำน้ำให้กับไทย และเจรจากับจีนหากไม่ใช้เครื่องยนต์ของจีน สุทินบอกว่ามีโอกาสเปลี่ยนแปลงได้หากผู้ใหญ่ระดับรัฐบาลคุยกัน เราจะทำให้ไม่กระทบ ทั้งจีน เยอรมนี และไทย จะหาจุดที่พอใจ กองทัพไม่เสียโอกาส ประเทศชาติไม่เสียประโยชน์ และพันธมิตรก็ไม่เสียใจ ตนเชื่อว่านายกฯ และ ปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะหาจุดสมดุลได้
