วันนี้ (19 เมษายน) จิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า หลังการจบห้วงวาระการเกณฑ์ทหารตั้งแต่วันที่ 2-12 เมษายนที่ผ่านมา พบว่า นโยบายของรัฐบาลโดยกระทรวงกลาโหมในการจูงใจให้มีผู้มาสมัครการเกณฑ์ทหารประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยปีนี้มีผู้มาคัดเลือกทหารแบบสมัครใจกว่า 40,000 นาย สูงกว่าทุกๆ ปีที่ผ่านมา ซึ่งนโยบายนี้เป็นนโยบายที่รัฐบาลกำหนดไว้ว่าจะต้องนำไปสู่การยกเลิกการเกณฑ์ทหารในอนาคตอันใกล้นี้
โดย สุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ให้นโยบายต่อเหล่าทัพที่จะต้องรับทหารใหม่ผลัด 1 เข้ากองทัพในเดือนพฤษภาคมนี้ โดยให้แต่ละเหล่าทัพไปสำรวจและเร่งดำเนินการพัฒนาและปรับปรุงสถานที่ต่างๆ ที่ทหารใหม่จะต้องเข้ามาประจำการใช้ เช่น สถานที่ฝึกหรือโรงนอน
ทั้งนี้ ในส่วนของกองทัพทหารบกได้รายงานว่า ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้สั่งการให้สำรวจและพัฒนาปรับปรุงสถานที่ต่างๆ ของกองทัพบกทั่วประเทศที่จะต้องรับทหารใหม่ โดยให้ดำเนินการปรับปรุงโรงนอนทหารใหม่จำนวน 366 แห่งทั่วประเทศแล้ว โดยล่าสุดได้เพิ่มระบบการระบายอากาศให้ดีขึ้น ซึ่งจะทำให้ทหารใหม่พักผ่อนได้สบายมากขึ้น เพื่อคุณภาพในการพัฒนากำลังพล โดยยึดหลักการพัฒนาคุณภาพทรัพยากรมนุษย์ของประเทศ
จิรายุกล่าวต่อไปว่า กองทัพบกได้ขานรับนโยบายรัฐบาลเป็นนโยบายเร่งด่วน โดยล่าสุดกองทัพบกได้ให้หน่วยทหารช่างเร่งดำเนินการปรับปรุงโรงนอนทหารใหม่แล้ว เช่น ติดมุ้งลวดโรงนอนและทยอยยกเลิกการนอนกางมุ้ง นอกจากนี้ยังเพิ่มระบบระบายอากาศด้วยการเพิ่มพัดลมขนาดใหญ่เพื่อทำให้อากาศหมุนเวียน นอกจากนั้นยังดำเนินการจัดทำระบบสปริงเกอร์รดน้ำหลังคาไล่ความร้อนสะสมออกจากหลังคาและเพดาน ทำให้โรงนอนอากาศดีขึ้นอีกด้วย
ทั้งนี้ กระทรวงกลาโหมได้รับรายงานจากกรมการทหารช่างของกองทัพบกว่าจะดำเนินให้เสร็จเรียบร้อยก่อนวันที่ 1 พฤษภาคมนี้ เพื่อพร้อมต้อนรับทหารใหม่ผลัด 1 ที่จะมารายงานตัวในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้ ส่วนกองทัพอื่นๆ อยู่ระหว่างการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลเช่นเดียวกัน
ในวันเดียวกันนี้หลังการประชุมสภากลาโหม สุทินได้ให้ความเห็นถึงยอดผู้ตรวจเลือกทหารกองเกินที่ปีนี้มีผู้สมัครใจเพิ่มขึ้นเกือบ 9% แต่ยอมรับว่ายังไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่คิดไว้ว่าอยากได้มากกว่านี้ จากการวิเคราะห์ก็ได้ผลออกมาว่า ปีนี้เป็นปีแรก เราเตรียมตัวช้า การประชาสัมพันธ์ก็สั้น ความเชื่อมั่นก็ยังไม่ดีเท่าที่ควร รวมถึงปัจจัยลบที่อาจจะเกิดจากธรรมชาติหรืออาจจะเกิดจากคนที่ตั้งใจสร้างขึ้นมา เช่น การฝึกนอกรีต การเอาทหารไปรับใช้ และอีกหลายเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ ส่งผลให้ผู้ปกครองและเด็กยังหวั่นไหว
โดยได้คุยกันในที่ประชุมว่า ในปีต่อๆ ไปเราต้องมาตั้งหลักใหม่ จะต้องประชาสัมพันธ์ให้พร้อมทุกมิติ ทุกช่องทาง รวมถึงร่วมมือกับภาคีอื่นๆ ในการสื่อสารไปถึงเด็กและผู้ปกครอง รวมทั้งสั่งการในที่ประชุมว่าจะต้องจัดการปัจจัยลบทั้งหมดให้ได้