วานนี้ (15 สิงหาคม) รศ.ดร.ษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี อาจารย์ประจำวิทยาลัยสหวิทยาการ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ให้สัมภาษณ์ในรายการ THE STANDARD NOW ดำเนินรายการโดย อ๊อฟ-ชัยนนท์ หาญคีรีรัตน์ ถึงประเด็นรัฐสวัสดิการและเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ
รศ.ดร.ษัษฐรัมย์ กล่าวว่า ปัญหารัฐสวัสดิการตอนนี้คืองบประมาณสำหรับผู้สูงอายุหรือเด็กที่เป็นระบบถ้วนหน้าไม่สามารถคอร์รัปชันได้ เนื่องจากจะส่งตรงสู่คนทั่วไป ไม่เหมือนกับงบการสร้างถนนหรือโครงการขนาดใหญ่ที่สามารถมีเงินทอนกลับมาได้
ดังนั้นการกลับไปสู่ระบบพิสูจน์ความจนจะเป็นช่องทางการคอร์รัปชันมหาศาล และทำให้คนที่ยากจนจริงๆ ตกออกไปจากการสำรวจในส่วนนี้
รศ.ดร.ษัษฐรัมย์ กล่าวอีกว่า งบประมาณของเบี้ยผู้สูงอายุปัจจุบันอยู่ราวๆ 7 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นเพียงร้อยละ 2 ของงบประมาณรายจ่ายประจำปี ต่อให้ทวีคูณก็จะตกอยู่แค่ร้อยละ 3.5-4 ต่อปี หากเทียบง่ายๆ คือ ถ้ามีเงิน 100 บาท จ่ายแค่ 3-4 บาทเพื่อให้ผู้สูงอายุมากกว่า 11 ล้านคนได้
นอกจากนี้ ประชาชนต้องเสียภาษีอยู่แล้ว แม้จะไม่ใช้มาตรวัดของการเสียภาษี แต่ทุกคนก็ได้สร้างมูลค่าให้แก่ประเทศไทยทั้งสิ้น ต่อให้ไม่ต้องเสียภาษีรายได้ แต่ก็เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ยังไม่นับอีกว่าได้สร้างมูลค่าให้นายทุนร่ำรวย ฉะนั้นทุกคนมีส่วนร่วมของสังคมนี้
“วิธีการที่ยุติธรรมที่สุดคือคืนกลับมาให้ทุกคนได้สิทธิพื้นฐานที่เท่ากัน ไม่ต้องมาต่อคิวพิสูจน์ความจนอะไรแบบนี้” รศ.ดร.ษัษฐรัมย์ ระบุ
ส่วนเบี้ยผู้สูงอายุต่อเดือนที่เหมาะสม ตนเองมองว่าความยากจนจากข้อมูลของสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) คือประมาณ 2,800-3,000 บาทต่อเดือน ดังนั้น 3,000 บาท คือตัวเลขที่ทำให้รอดจากสังคมผู้สูงอายุ
“วิธีการที่จะทำให้เรารอดจากตรงนี้ ถ้าประเทศไทยไม่มีระบบสวัสดิการที่ดี มันก็คือคนอายุ 30-40 ปีนี่แหละครับที่จะต้องดูแลผู้สูงอายุ” รศ.ดร.ษัษฐรัมย์ กล่าวทิ้งท้าย