ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาในชั้นอุทธรณ์คำวินิจฉัย คดีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาจำคุก สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2561
ในฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต กรณีสั่งการให้ออกหนังสือเดินทางให้กับ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2554 ทั้งที่ทักษิณเป็นจำเลยหลบหนีคดี และอยู่ระหว่างถูกออกหมายจับ ในหลายคดี อันเป็นการขัดต่อระเบียบข้อบังคับกระทรวงการต่างประเทศ
โดยในชั้นพิพากษาอุทธรณ์คำวินิจฉัยวันนี้ ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า แม้สุรพงษ์จะอ้างว่าการสั่งการให้มีการออกหนังสือเดินทางดังกล่าวเป็นการดำเนินการตามความเห็นของระดับสูง และการออกหนังสือเดินทางครั้งนั้นไม่ใช่อำนาจหน้าที่โดยตรงของสุรพงษ์ก็ตาม แต่สุรพงษ์ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศถือเป็นผู้มีอำนาจบริหารราชการแผ่นดินและเป็นผู้บังคับบัญชา เมื่อทักษิณมีคำขอหนังสือเดินทางจำเป็นจะต้องมีการตรวจสอบก่อน เพราะทักษิณมีหมายจับคดีร้ายแรงหลายคดี และทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ส่งหมายจับให้กระทรวงการต่างประเทศไปดำเนินการแล้ว ประกอบกับทักษิณเป็นบุคคลต้องห้ามออกหนังสือเดินทาง ดังนั้นการพิจารณาปลดหรือยกเลิกระงับการออกหนังสือเดินทางต้องทำไปตามลำดับขั้นตอน แต่กลับพบว่ามีการเร่งรัดดำเนินการภายในวันเดียวจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และที่ศาลพิพากษาจำคุก 2 ปีนั้นเห็นว่าสมควรแล้ว
อย่างไรก็ตามคดีนี้สุรพงษ์ได้ขอให้ศาลลงโทษสถานเบา ซึ่งศาลได้พิจารณาแล้วเห็นว่า สุรพงษ์ไม่เคยต้องโทษมาก่อน ประกอบกับจำเลยมีอายุมาก และแจ้งว่าระหว่างพิจารณาคดีนี้ได้เกิดอาเพศโรครุมเร้าหลายโรค ทั้งโรคหัวใจ โรคเบาหวาน และโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองในระยะลุกลาม จำเป็นต้องเข้าพบแพทย์อย่างต่อเนื่อง ศาลจึงพิพากษาแก้โทษจากโทษจำคุก 2 ปีเป็นให้รอลงอาญา 2 ปี และให้ปรับ 1 แสนบาท
ทั้งนี้ ภายหลังรับทราบคำพิพากษา สุรพงษ์ได้ยกมือไหว้องค์คณะผู้พิพากษาถึง 2 ครั้งด้วยความดีใจ ก่อนจะนั่งรถพยาบาลของโรงพยาบาลศิริราชออกไปจากศาลฎีกา
หมายเหตุ: ภาพประกอบข่าวเป็นของวันที่ 19 มิถุนายน 2561
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
