“ถ้าตอนแรกไม่สนุก (คนดู) เขาก็เทเลย” คำพูดของ ระพี (เปิ้ล-หัทยา วงษ์กระจ่าง) ตัวละครผู้บริหารสถานี BIG TV ในเรื่อง ซุปตาร์ 2550 น่าจะอธิบายปรากฏการณ์ยิ่งฉายเรตติ้งยิ่งลดของละครเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ ซุปตาร์ 2550 มีข้อได้เปรียบหลายอย่าง ทั้งการร่วมงานกันในรอบ 12 ปีของ เคน-ธีรเดช วงศ์พัวพันธ์ และ แอน ทองประสม, เป็นผลงานการกำกับละครครั้งแรกของเคน อีกทั้งยังรวมนักแสดงรับเชิญอันดับต้นของวงการหลายสิบชีวิต
และเมื่อมาดูในเรื่องของบทก็ได้ ‘เอกลิขิต’ ผู้ฝากผลงานละครสนุกๆ ไว้หลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น อุ้มรัก, รากบุญ, ข้าบดินทร์ ฯลฯ ที่มาพร้อมกับเค้าโครงเรื่องชวนติดตามว่าด้วยเรื่องซูเปอร์สตาร์ตกยุคอีโก้จัดที่ต้องกลับมาร่วมงานกันอีกครั้ง เพื่อหวังดึงเรตติ้งที่หล่นตุ้บของสถานีงานนี้เลยต้องทำซีรีส์รวบรวมนักแสดงชื่อดังเอาไว้อย่างคับคั่ง นำมาซึ่งปัญหาให้แก้สารพัด
เอาเข้าจริงก็มีหลากหลายวิธีที่จะทำออกมาให้สนุกได้ไม่ยาก แต่ละครกลับออกมาแบบเรื่อยๆ มาเรียงๆ แบบนี้ถ้าให้ลองคิดวิเคราะห์ก็ต้องบอกว่าละครเรื่องนี้โฟกัสผิดที่ไปหลายจุด
โดยเฉพาะเรื่องบทที่ยืดยาวในส่วนที่ไม่สมควรอย่างเช่นเนื้อหาในตอนแรกที่พยายามปูพื้นตัวละครทั้ง แคท (แอน ทองประสม) อดีตนางเอกเบอร์หนึ่งผู้ขึ้นชื่อว่าเรื่องเยอะที่สุดในวงการ ที่เราดูจนจบตอนก็ยังไม่สะท้อนบุคลิกความเรื่องเยอะของเธอสักเท่าไร หรือ ริว (เคน-ธีรเดช วงศ์พัวพันธ์) พระเอกสุขนิยมผู้อยากผันตัวเองเป็นผู้กำกับก็ออกมางงๆ อย่างเช่นการใช้เครื่องพิมพ์ดีดเขียนบทหรือขับรถคลาสสิกเก่าๆ นัยว่าจะสะท้อนความจมอยู่กับอดีตของพระเอก แต่ก็ไม่ได้ทำให้คนดูรู้สึกได้ขนาดนั้น รวมทั้งการสอดแทรกมุกตลกก็ออกมาไม่ตลก เหมือนอยู่กึ่งกลางระหว่างคาแรกเตอร์แบบการ์ตูนและชีวิตจริงแบบไม่ออกไปไหนสักทาง
หลายๆ ฉากก็ออกมายืดยาวเกินจำเป็น อย่างเช่นการรีรันผลงานชิ้นเก่าของคู่ขวัญเคน-แอน หรือการย้อนอดีตความรักความผูกพันของทั้งคู่ ถ้าทำออกมาให้สั้นกระชับและขับเคลื่อนบทไปได้ด้วย ก็อาจจะทำให้เนื้อหาในตอนแรกจบได้ภายในครึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำ ยิ่งพอล่วงเข้าสู่ตอนที่สอง ฉากเปิดตัวโพสท่าถ่ายแบบของ ทาโร่ (มีน-พีรวิชญ์ อรรถชิตสถาพร) สำหรับผู้เขียนคือความสิ้นเปลืองแอร์ไทม์โดยใช่เหตุ
กว่าที่ละคร (ในเรื่อง) จะได้เริ่มถ่ายก็ปาเข้าไปเกือบตอนที่สาม ทั้งๆ ที่ละครมีแค่ 10 ตอน เรียกได้ว่า ซุปตาร์ 2550 สามตอนแรกพาผู้ชมเดินหลงอยู่ในสวนลำไย (ที่ไม่ใช่ผลไม้แต่คือความยืดยาด เชื่องช้า) ไปอย่างน่าเสียดาย
ส่วนที่เป็นจุดเด่นแต่กลายเป็นจุดด้อยอย่างไม่น่าเชื่อคือการปรากฏตัวของนักแสดงรับเชิญหลายๆ คน กลับยิ่งทำให้ละครเรื่องนี้มีข้อบกพร่องยิ่งกว่าเดิม
ด้วยการเฉลี่ยแอร์ไทม์เพียงแค่ให้ปรากฏตัวในฉาก แต่ไม่มีส่วนขับเคลื่อนหรือยึดโยงกับบท จนอดตั้งคำถามไม่ได้ว่ามาทำไม ซึ่งต่อให้มากันน้อยกว่านี้แต่มีส่วนสำคัญมากกว่านี้ก็ยังดีกว่า
ผู้เขียนก็พอเข้าใจได้ว่าทางผู้จัดคงอยากสร้างความแปลกใหม่ ทั้งการเดินเรื่องแบบละครซ้อนละคร, การใช้มุมกล้องแนวใหม่ และการล้อเลียนทั้งตัวเองและวงการละครทีวีไทยอย่างที่ได้ยินหลายๆ ไดอะล็อกที่พูดถึงสูตรละครในยุคปัจจุบัน ก็น่าจะบอกได้ว่าทางผู้จัดก็รู้ว่าควรทำอย่างไร แม้จะไม่อยากให้เป็นไปตามสูตร แต่ก็ควรจะหาวิธีที่ได้ผลลัพธ์ออกมากลมกล่อมกว่านี้
ความคิดเห็นของผู้เขียนในเมื่อทางผู้จัดตั้งใจทำละครไทยให้ได้มาตรฐานซีรีส์ และก็ได้พิสูจน์แล้วจากคุณภาพด้านภาพที่ต้องยอมรับว่าทำออกมาได้สวยทีเดียว ก็น่าจะดีกว่าหากจะหยอดนักแสดงรับเชิญเด่นๆ ให้แยกเป็นตอนๆ พร้อมๆ กับการเดินเรื่องความสัมพันธ์ของแคท-ริว แม้ว่าในเรื่องจะมีอยู่แล้ว แต่เนื้อหาที่มีก็ดูเข้ารกเข้าพง ออกทะเลไปเสียอย่างนั้น
ความจริงแล้วละครโรแมนติกคอเมดี้เป็นละครที่คนไทยชอบ ในขณะเดียวกันก็เป็นละครที่ทำยาก ต้องอาศัยจังหวะจะโคนในการปล่อยมุกหรือการขยี้จุดโดนใจของคนดู แต่สำหรับเรื่องนี้มีหลายๆ ครั้งที่บทปล่อยผ่าน, ปล่อยออกมาแบบผิดจังหวะ หรือแม้แต่การตัดต่อตอนจบในแต่ละตอนให้คนดูอยากติดตามตอนต่อไปก็ไม่ได้ทำให้น่าลุ้นไปด้วยเลย จึงไม่น่าแปลกใจที่กราฟเรตติ้งดิ่งลงเรื่อยๆ ทั้งๆ ที่ฐานแฟนคลับเคน-แอน คือวัยของคนที่ยังดูทีวีอยู่ด้วยซ้ำ
ซุปตาร์ 2550 เป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ว่าบทละครและผู้กำกับคือสิ่งสำคัญ ต่อให้มีวัตถุดิบดีแค่ไหน แต่ถ้าบทไม่ช่วยหรือผู้กำกับไม่ช่วยขยี้ ต่อให้แสดงดีก็อาจกลายเป็นโอเวอร์แอ็กติ้งไปได้ อย่างในเรื่องการแสดงของ แอน ทองประสม ก็ถือว่าไม่แย่ และดีมากในหลายๆ ฉาก แต่บางฉากอย่างการร้องไห้ บทยังไม่พาคนดูไปถึงจุดนั้น มันก็เลยกลายเป็นการ ‘เล่นใหญ่’ ไปอย่างน่าเสียดาย
จริงๆ แล้วถ้าลองย้อนดูงานเก่าๆ ของค่าย Citizen Kane ก็ต้องบอกว่าได้นักแสดงคุณภาพแทบทุกเรื่อง พิสูจน์ได้ว่าคอนเนกชันของทั้ง หน่อย บุษกร และ เคน ธีรเดช นั้นไม่ธรรมดาเลย แต่สิ่งที่ละครของค่ายนี้ยังต้องพิสูจน์ต่อไปคือเมื่อไรจะทำละครดูสนุกออกมาได้… สักที