วันนี้ (8 กันยายน) ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สนามหลวง องค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ อม.21/2565 คดีหมายเลขแดงที่ อม. 25/2565 ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ยื่นฟ้อง ปารีณา ไกรคุปต์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จฯ
คำฟ้องสรุปว่า เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2565 ผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบ กรณีเข้ารับตำแหน่ง สส. ด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สิน 2 รายการ
ขอให้ลงโทษตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต มาตรา 114 (2) (1) และมาตรา 167 และเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้ถูกกล่าวหาตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต มาตรา 81 ผู้ถูกกล่าวหาให้การปฏิเสธ
ศาลไต่สวนพยานผู้ร้อง 2 นัด พยานผู้ถูกกล่าวหา 1 นัด
ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยมติเสียงข้างมากเห็นว่า สำหรับรายการเงินให้กู้ยืมราย ป. นั้น ทางไต่สวนข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ป. ยอมรับว่าผู้ถูกกล่าวหาให้เงินสนับสนุนในการหาเสียงเลือกตั้ง ประกอบกับพฤติการณ์ที่ ป. เปิดบัญชีเงินฝากกระแสรายวัน ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขาโพธาราม และสั่งจ่ายเช็คมอบให้ผู้ถูกกล่าวหาเป็นหลักประกัน เมื่อผู้ถูกกล่าวหาขอหลักประกันเพิ่ม ป. ได้นำโฉนดที่ดินไปให้ผู้ถูกกล่าวหายึดถือ และ ป. เคยบอก ส. ว่า ผู้ถูกกล่าวหาเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการหาเสียงเลือกตั้ง และขอให้ ส. ไปเป็นเพื่อนเพื่อทำสัญญากู้ยืมที่ผู้ถูกกล่าวหาให้การสนับสนุน ป. ในการลงสมัครรับเลือกตั้ง โดย ส. ได้ยินผู้ถูกกล่าวหาพูดทวงเงินจาก ป. เชื่อว่า ป. ได้รับเงินช่วยเหลือเป็นค่าใช้จ่ายในการหาเสียงเลือกตั้งจากผู้ถูกกล่าวหา และไม่ได้เป็นการช่วยเหลือแบบให้เปล่า แม้ไม่ปรากฏพยานหลักฐานการส่งมอบเงิน แต่ทางไต่สวนไม่ปรากฏพยานหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าสัญญาเงินกู้ดังกล่าวเป็นเอกสารสิทธิปลอม
และไม่ปรากฏข้อเท็จจริงจากสำนวนการไต่สวนของผู้ร้องว่ามีการสมคบกันทำสัญญาเงินกู้ขึ้นโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ผู้ถูกกล่าวหาจึงเข้าใจโดยสุจริตว่าตนมีสิทธิตามสัญญาเงินกู้ จึงฟังไม่ได้ว่าผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบต่อผู้ร้องสำหรับรายการนี้
ส่วนรายการพระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์เส้นด้าย และพระสมเด็จนางพญา พิษณุโลก พิมพ์อกนูนใหญ่ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยมติเสียงข้างมากเห็นว่า การยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบของผู้ถูกกล่าวหาในการดำรงตำแหน่ง สส. ผู้ถูกกล่าวหาได้แสดงรายการพระเครื่องทั้งสององค์โดยขอใช้เอกสารชุดเดิมทั้งหมด ประกอบกับ อ. อดีตสามีของผู้ถูกกล่าวหาให้ถ้อยคำว่า อ. เป็นเจ้าของพระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์เส้นด้าย (กรุใหม่) และพระสมเด็จนางพญา พิษณุโลก พิมพ์อกนูนใหญ่ ซึ่งเป็นองค์เดียวกับที่ผู้ถูกกล่าวหาแสดงในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบของคู่สมรส
การจัดทำบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ถูกกล่าวหา กรณีพ้นจากตำแหน่งครบ 1 ปี ในปี 2557 อ. มอบให้ บุรินทร์ เลขานุการ เป็นผู้รวบรวมเอกสารนำไปยื่นต่อผู้ร้อง เนื่องจาก อ. กำลังจะหย่ากับผู้ถูกกล่าวหา อ. เคยให้ผู้ถูกกล่าวหายืมใส่พระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์เส้นด้าย (กรุเก่า) และพระนางกำแพง หลังจากหย่ากันผู้ถูกกล่าวหาไม่ได้คืนให้ พระเครื่องที่ผู้ถูกกล่าวหาครอบครองเป็นคนละองค์กับพระเครื่องสององค์ดังกล่าว และผู้ถูกกล่าวหาให้ถ้อยคำว่า หลังจดทะเบียนหย่าผู้ถูกกล่าวหาครอบครองพระเครื่องสององค์เรื่อยมา เป็นเหตุให้ผู้ถูกกล่าวหาเข้าใจว่าตนเป็นเจ้าของพระเครื่องทั้งสององค์ที่อยู่กับตน และเป็นองค์เดียวกับที่เคยยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้อง
สอดคล้องกับที่ พ. ผู้เชี่ยวชาญ ให้ถ้อยคำว่า คนทั่วไปที่ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญและไม่มีความรู้เรื่องพระเครื่องย่อมไม่อาจแยกแยะข้อแตกต่างของพระเครื่องทั้งสององค์ได้ เชื่อว่าผู้ถูกกล่าวหาเข้าใจมาโดยตลอดว่าพระเครื่องทั้งสององค์ที่ได้รับมาจาก อ. ระหว่างสมรสและอยู่ในความครอบครองเรื่อยมา คือพระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์เส้นด้าย (กรุใหม่) และพระสมเด็จนางพญา พิษณุโลก พิมพ์อกนูนใหญ่ ที่ยื่น
และอ้างไว้ในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบโดยไม่รู้ข้อเท็จจริงว่า พระเครื่องสององค์ที่นำมาแสดงต่อผู้ร้องเป็นคนละองค์กับที่ผู้ถูกกล่าวหายื่นไว้ในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบ พฤติการณ์แห่งคดีจึงฟังไม่ได้ว่าผู้ถูกกล่าวหามีเจตนาแสดงรายการพระเครื่องไม่ตรงกับที่มีอยู่จริงและระบุราคาสูงกว่าความเป็นจริง กรณีนี้จึงรับฟังไม่ได้ว่าผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบต่อผู้ร้อง พิพากษายกคำร้อง