หลังจากใช้เวลาก่อสร้างมานานกว่า 4 ปี ในที่สุดช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา บมจ.ศุภาลัย ได้เปิดอาณาจักรมิกซ์ยูสระดับลักชัวรีมูลค่า 20,000 ล้านบาท โครงการ ‘ศุภาลัย ไอคอน สาทร’ ให้กับลูกค้าได้เข้าชมของจริงแล้ว
ตัวโครงการตั้งอยู่บนที่ดินขนาดเกือบ 8 ไร่ใจกลางย่านสาทร ซึ่งเดิมเป็นที่ตั้งของสถานทูตออสเตรเลียมานานกว่า 39 ปี โครงการนี้มีมูลค่าการพัฒนารวมกว่า 20,000 ล้านบาท ประกอบด้วยคอนโดมิเนียม, อาคารสำนักงานเกรด A, เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ และพื้นที่ค้าปลีก
ทางศุภาลัยได้ซื้อที่ดินผืนนี้ไว้เมื่อปี 2560 ในราคา 1.45 ล้านบาทต่อตารางวา รวมมูลค่ารวมกว่า 4,600 ล้านบาท
แต่ปัจจุบันราคาที่ดินบริเวณนี้เพิ่มสูงขึ้นเป็น 2.5 ล้านบาทต่อตารางวา หรือเติบโตขึ้นเฉลี่ย 8% ต่อปี สะท้อนถึงศักยภาพของทำเลที่มีการเติบโตสูงอย่างต่อเนื่อง
คอนโดมิเนียมในโครงการมีระดับราคาตั้งแต่ 8.9 ล้านบาทไปจนถึง 134 ล้านบาท โดยเฉพาะยูนิตเพนต์เฮาส์ราคาสูงสุดทั้งสองยูนิตถูกจองไปแล้วหลังจากเปิดตัวโครงการได้ไม่นาน ปัจจุบันมียอดขายแล้วประมาณ 30% ของมูลค่าโครงการ หรือราว 4,000 ล้านบาท
“ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนไทย ตามมาด้วยกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติไม่ว่าจะเป็น จีน ยุโรป หรืออเมริกา บริษัทคาดว่าจะมียอดขายเพิ่มเป็น 50% ภายในสิ้นปีนี้” ไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าว
เมื่อวิเคราะห์ตลาดคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรีในย่านสาทรพบว่า ยังมีความต้องการค่อนข้างสูง เนื่องจากจำนวนอุปทานค่อนข้างจำกัด ส่วนใหญ่เป็นโครงการเก่าที่สร้างเสร็จมาแล้วหลายปี ในขณะที่ความต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยและการลงทุนเติบโตขึ้นมาก โดยเฉพาะจากกลุ่มลูกค้าต่างชาติที่เข้ามาทำงานในย่านธุรกิจใจกลางเมือง
ดังนั้นการเปิดตัวโครงการใหม่ระดับไฮเอนด์ในทำเลศักยภาพแห่งนี้จึงสามารถตอบโจทย์ความต้องการของตลาดได้เป็นอย่างดี ซึ่งเห็นได้จากยอดขายเปิดตัวที่ค่อนข้างสูงของศุภาลัย ไอคอน สาทร โดยราคาขายต่อตารางเมตรอยู่ที่ประมาณ 2.2-2.9 แสนบาท ถือว่าถูกกว่าราคาตลาดเฉลี่ยในย่านนี้พอสมควร เพราะโดยรวมแล้วอยู่ที่ 2.9 แสนบาทต่อตารางเมตร
แต่ด้วยจุดแข็งของโครงการทั้งในด้านทำเลที่ตั้ง ราคาที่เข้าถึงได้ การออกแบบ และแบรนด์ที่มีชื่อเสียงอย่างศุภาลัย จึงสามารถสร้างความเชื่อมั่นและดึงดูดกลุ่มลูกค้าระดับบนได้เป็นอย่างดี รวมถึงเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์จำนวน 100 ยูนิตที่พัฒนาเพื่อจับลูกค้าต่างชาติที่ทำงานในไทยโดยเฉพาะ
ส่วนพื้นที่สำนักงานและค้าปลีกในโครงการ ประกอบด้วยจำนวน 1 อาคาร ความสูง 14 ชั้น มีพื้นที่ประมาณ 24,063 ตารางเมตรก็ได้รับความสนใจจากกลุ่มลูกค้าเช่นกัน โดยมีอัตราค่าเช่าอยู่ที่ 1,000 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือนสำหรับพื้นที่สำนักงาน และ 1,200 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือนสำหรับพื้นที่ค้าปลีก ซึ่งถือว่าค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับค่าเช่าเฉลี่ยของอาคารสำนักงานเกรด A ในกรุงเทพฯ ที่อยู่ที่ประมาณ 800-900 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน