วันนี้ (4 กันยายน) ศุภชัย ใจสมุทร ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายของพรรคภูมิใจไทย โพสต์เฟซบุ๊กเปิดเผยว่า ไม่ประสงค์ที่จะดำเนินคดี กับ ภูมิธรรม เวชยชัย ผู้ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี หลังจากวานนี้ได้เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลดุสิต ในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
ศุภชัยระบุว่า ประธานสภาผู้แทนราษฎรได้บรรจุระเบียบวาระให้มีการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีแล้ว นั่นหมายความว่า ความพยายามที่จะยื่นยุบสภาอีกได้ยุติลง ซึ่งประเทศก็จะเดินหน้าต่อไปได้เป็นไปตามครรลองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ตนมองว่าหลายคนเห็นการเมืองของเมืองไทยมาก็จะพบว่าในบางสถานการณ์ ก็สู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ความจริงที่มีอยู่อย่างหนึ่งก็คือแต่ละฝ่ายที่อยู่คนละข้างกันล้วนแล้วแต่รู้จักคุ้นเคยรักใคร่ เป็นพี่เป็นน้องเป็นเพื่อนกัน บางครั้งเคยอยู่ฝ่ายเดียวกันแล้วสถานการณ์ก็ผลักดันให้ไปอยู่ฝ่ายตรงกันข้าม
ศุภชัย กล่าวต่อว่า ชีวิตการเมืองของตนก็เป็นเช่นนี้ เพราะการต่อสู้ที่ว่านี้ปฏิเสธไม่ได้ว่าคือสงครามช่วงชิงอำนาจ ซึ่งบางคราวก็ชนะบางครั้งก็แพ้ ผู้ใหญ่ที่รักเคารพของตนเคยให้คำแนะนำว่าหากแพ้ก็ให้หมอบให้ราบ รอเวลา และเมื่อชนะก็ไม่ซ้ำเติมฝ่ายที่แพ้ ซึ่งตนก็ยึดถือปฏิบัติแบบนี้มา จบถือว่าจบ ไม่มีอาฆาตหรือคิดแก้แค้นเพราะที่สุดแล้วคนทำงานการเมืองด้วยอุดมการณ์เป้าหมายก็คือประโยชน์สุขของประเทศชาติประชาชน ซึ่งแน่นอนที่สุดประเทศจะเดินหน้าต่อไปได้ก็ด้วยความสามัคคี
ตนจึงตัดสินใจว่า ผมไม่ประสงค์ที่จะดำเนินคดีอาญากับ ภูมิธรรม เวชยชัย ผู้ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีอีกต่อไปและจะดำเนินการถอนคำร้องทุกข์กล่าวโทษกับพนักงานสอบสวน
พร้อมโพสต์ความตอนหนึ่ง ในพระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชพระราชทานแก่คณะประชาชนจังหวัดราชบุรี ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน ว่า “บ้านเมืองไทยสามารถฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ ได้โดยดี เพราะว่าจิตใจสามัคคีและแสดงออกซึ่งสามัคคี ถ้าตราบใด เรารักษาความสามัคคีความเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกันไว้ได้ เราก็จะอยู่ได้อย่างมีความสุขตราบนั้น…”
อ้างอิง: