วันนี้ (6 สิงหาคม) ศุภชัย ใจสมุทร ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงการทำงานของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ว่า ดีเอสไอทำงานล่าช้า ในคดีที่ สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)ในรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร ขุดบ่อน้ำบุกรุกที่สาธารณประโยชน์ จนคดีใกล้จะหมดอายุความ คดีดังกล่าวนี้ควรเรียกว่าคดี ณฐพร โตประยูร 2 ที่เดินเข้าออกเข้าออกที่ดีเอสไอ โดยดีเอสไอรู้ดีว่า ณฐพร มีหมายจับอยู่ อายุความเหลืออยู่ 14 วัน แต่ไม่ดําเนินการจนตนมากระทุ้ง ในที่สุดดีเอสไอจำต้องจับส่งอัยการฟ้องศาล ตอนนี้ถูกขังอยู่ที่เรือนจำ
ศุภชัย กล่าวต่อว่า เคยมีเรื่องราวทำนองลักษณะเดียวกันแล้ว ซึ่งน่าตกใจว่าดีเอสไอ กำลังจะมีพฤติการณ์ในการกระทำเช่นนี้อีกหรือไม่ โดยสำนักข่าวอิศรา รายงานข่าวว่า ดีเอสไอ สอบสวนคดี บิ๊กเอกชนขุดบ่อน้ำบุกรุกที่สาธารณะ บริเวณตำบลศรีวิเชียร อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานีล่าช้ามาก ป.ป .ช.ส่งสำนวนคืนให้ตั้งแต่ปี 2562 ปัจจุบันผ่านมา 6 ปี ยังส่งฟ้องอัยการไม่ได้ เหตุมีเลื่อนรับทราบข้อกล่าวหาหลายครั้งจนใกล้จะหมดอายุความ ทำให้กังขาสาเหตุเพราะรัฐมนตรีรัฐบาลแพทองธาร ร่วมถือหุ้นด้วยหรือไม่
ตนเองได้ติดตามค้นหาว่าบิ๊กที่ว่าคือ บิ๊กอะไรบ้าง จนได้ความว่า เรื่องนี้มีการบุกรุกขุดบ่อน้ำสาธารณประโยชน์ ไม่ใช่เป็นการขุดบ่อน้ำเพื่อมาเป็นน้ำดื่ม แต่เป็นบ่อน้ำเพื่อใช้ประโยชน์ในโรงงาน มีเนื้อที่เกือบ 17 ไร่ เป็นความผิดตามพ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 ประมวลกฎหมายที่ดินและประมวลกฎหมายอาญา พบว่ามีการกระทำผิดบุกรุกยึดถือครอบครองและทำประโยชน์ในที่สาธารณประโยชน์ และมีการออกหนังสือแสดงสิทธิที่ดินโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ในที่ทำเลเลี้ยงสัตว์ ซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ประชาชนใช้ร่วมกัน
สิ่งที่น่าตกใจเพราะคนที่เป็นผู้ต้องหาในคดีนี้มีอยู่ 4 คนคือ 1. บริษัท แป้งมันเอี่ยมอีสาน จำกัด เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ มีธุรกิจนับแสนล้านบาท 2. วีระศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม 3. ยลดา หวังศุภกิจโกศล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา และ 4. สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.อว.ในรัฐบาลชุดนี้ ซึ่งทั้งคนเป็นบุคคลในครอบครัวเดียวกัน
ศุภชัย ยังเปรียบเทียบพฤติกรรมนี้กับคดีของณฐพร โตประยูร ที่ดีเอสไอเคยล่าช้าในการจับกุมตัว แม้จะทราบว่ามีหมายจับอยู่ และตั้งคำถามว่าดีเอสไอกำลังจะปล่อยให้คดีนี้หมดอายุความหรือไม่ ซึ่งพฤติการณ์เช่นนี้ทำให้สังคมสงสัยว่าดีเอสไอทำงานเพื่อรับใช้ฝ่ายการเมืองหรือไม่ และเป็นเพียงเครื่องมือในการเข่นฆ่าฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองหรือเปล่า วันนี้จึงต้องถามว่ามีอีกกี่คดี ในลักษณะเช่นนี้ที่ประชาชนไม่รู้ และนำไปซุกไว้ปล่อยเวลาให้เนิ่นนานโดยไม่สนใจหรือดีเอสไอมีผลประโยชน์อะไร อย่างไร ในการช่วยเหลือเกื้อกูลใคร
“วันนี้ท่านขยันก่องานใหม่ แต่ดีเอสไอคดีค้างเก่าจำนวนมาก ท่านกลับไม่ได้สนใจที่จะดำเนินการ ดีเอสไอต้องตอบประชาชน ว่าคดีนี้มีความคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว และอย่าปล่อยให้คดีเงียบหายไป เพราะประชาชนไม่แน่ใจแล้วว่าจะฝากความหวังไว้กับดีเอสไอได้หรือไม่ ผมจะรอคําตอบว่าท่านจะดำเนินคดีนี้อย่างไร อย่านิ่งเฉย อย่าเก็บงำจงตอบมาด้วย” ศุภชัย กล่าว