“ผมไม่ได้ต้องการแฟน ผมต้องการคนที่รู้สึกรักกันมากกว่า คือแฟนเหมือนธุรกิจ เหมือนกับว่าวันหนึ่งถ้าเราทำตัวไม่ดีหรือไม่ได้ดั่งใจเขาก็เลิกกันได้ไง แต่คนรักกัน ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็รักกัน ผมอยากได้แบบนี้ ผมรู้สึกว่าอย่างนี้มันมีคุณค่ามากกว่า” ซันนี่-มกราคม 2562
ไม่บ่อยครั้งนักที่ ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์ จะให้สัมภาษณ์ถึง ‘ทัศนคติความรัก’ กับสื่อมวลชนที่รุมล้อมเขาที่หน้าแบ็กดรอป และถึงแม้นักข่าวจะอยากรู้ แต่ก็ดูเหมือนว่า ‘หมอเป้ง’ ของแฟนละคร ‘รักฉุดใจนายฉุกเฉิน’ มักจะเน้นขยี้แต่มุมคอเมดี้และไม่ค่อยโชว์มุมโรแมนติก ทัศนคติความรักแบบเป็นจริงเป็นจังให้ใครฟังสักเท่าไร
ขณะเดียวกันในจังหวะเวลาที่ ‘หมอเป้ง’ กำลังเรียกคะแนนสงสารจากแฟนละคร THE STANDARD POP ก็คิดว่าเป็นเรื่องน่าสนใจใคร่รู้ด้วยเช่นกันว่า แล้วในชีวิตจริง ตัวตนจริงๆ ของ ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์ นั้นมีทัศนคติอย่างไรต่อ ‘ความรัก’ ความสัมพันธ์
ซึ่งก็ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่ตอบมันอย่างจริงๆ จังๆ เลย และนี่คือส่วนหนึ่งจากบทสัมภาษณ์ในช่วงปี 2557 ที่เขาเคยให้สัมภาษณ์ไว้ในนิตยสาร HAMBURGER ฉบับที่ 190 ซึ่งมันก็อาจจะทำให้คุณได้รู้จักกับคลื่นหัวใจของเขาเพิ่มมากขึ้นอีกนิด
ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์
ส่วนหนึ่งของบทสัมภาษณ์ปี 2557
ตอนนี้ยังโสดไหม
“โสดครับ”
“คือผมรู้สึกว่าทุกอย่างมันมีวันหมดอายุฮะ แล้วผมรู้สึกว่าผู้ชายกับผู้หญิงมันอยู่ด้วยกันไม่ได้หรอก เพราะมนุษย์สองเพศนี้เขาคิดไม่เหมือนกัน รวมถึงความต้องการในชีวิตที่ไม่เหมือนกันมาตั้งแต่แรก แต่สิ่งที่ทำให้บางคู่ยังอยู่กันได้ก็เพราะมันพยายามจูนกันทุกวิถีทางแล้ว ก็เหมือน iOS กับ Android น่ะครับ ระบบปฏิบัติการมันไม่เหมือนกัน มันเป็นเรื่องธรรมชาติที่เปลี่ยนไม่ได้ (น้ำเสียงประชดประชัน)”
ที่พูดนี่แสดงว่าคงจะไม่มีความรักไปอีกนาน
“ไม่หรอกฮะ ผมอยากให้มันเป็นแค่ว่า เราไม่ต้องเป็นอะไรกันก็ได้ แค่ผมรู้สึกดีกับคุณ แต่คุณไม่ต้องมาเปลี่ยนผม แล้วผมก็ไม่เคยคิดจะเปลี่ยน ผมอยากให้เรารู้สึกดีต่อกัน ไม่อยากให้ความสัมพันธ์มันจบลงแบบมองหน้ากันไม่ติด หรือทำเหมือนคนไม่เคยรู้จักกัน แล้วสุดท้ายก็ไม่เจอกันอีกเลย ผมเกลียดเหตุการณ์อะไรแบบนี้มากครับ”
หมายถึงต้องการความสัมพันธ์แบบรักกัน แต่ไม่ต้องเป็นแฟนกัน เพราะถ้าคบกันแล้วมันจะมีข้อจำกัดบางอย่างที่คุณไม่ต้องการ คุณต้องโทรหาฉันก่อนสิ ต้องมารับฉัน ก่อนนอนทำไมไม่โทรมา…อะไรอย่างนี้เหรอ
“พูดมาเลยครับ พูดมาเรื่อยๆ พูดยังไงก็ถูก (หัวเราะ) ชีวิตมันจะใช้ยากขึ้นมาทันทีเวลาอีกฝ่ายมีความต้องการอะไรแบบนั้น”
ซึ่งถ้ามีแฟนเราไม่อยากทำ…
“ไม่ใช่ไม่อยากทำ มันทำได้ แต่มันไม่ใช่เหตุผลว่าถ้าไม่ทำแล้วสุดท้ายต้องมาเลิกกัน แยกกัน ต้องมาเกลียดกัน ถ้าสุดท้ายแล้วผมไม่ได้ดั่งใจคุณเนี่ย คุณจะไม่คบผมเลยนะ คุณจะไม่อยากเจอผม แล้วคุณก็หายไปจากชีวิตผมเลยใช่ไหมเพราะเรื่องแบบนี้”
ครั้งสุดท้ายที่คุณรู้สึกชอบคนคนหนึ่งเป็นพิเศษ อยากเข้าไปจีบเขาจังคือเมื่อไร ผ่านมานานแค่ไหนแล้วครับ
“ผมไม่เคยอยากจีบผู้หญิงเลย แล้วผมก็ไม่เชื่อเรื่องการมานั่งจีบกัน รู้สึกว่ามันฝืนๆ ยังไงไม่รู้ฮะ คุยกันไปเรื่อยๆ ให้สถานการณ์มันพาไปเอง ผมว่ามันคลาสสิกกว่า
“ผมเกลียดการที่จะต้องเข้าไปจีบเพื่อที่จะทำเหมือนว่าเป็นแฟนกัน แล้วสุดท้ายก็เข้าอีหรอบเดิม…แต่ผมรู้สึกดีกับใครผมจะบอก ผมชอบคุณมากเลย แต่ถ้าคุณอยากไปเจอใครคุณก็ไป ผมไม่อยากมาบีบบังคับให้คุณต้องอยู่ตรงนี้ เพียงแต่ผมรู้สึกดีกับคุณมาก และผมจะไม่เปลี่ยน”
และท้ายที่สุดนี้ ต้องอย่าลืมว่า “คนเรานั้นเติบโตและเปลี่ยนแปลงทุกวัน” ไม่แน่ว่าในช่วงวัย ณ ขณะนี้ ทัศนคติของเขาอาจจะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมแล้วก็เป็นได้ ใครจะรู้…
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์