ถึงจะมีข่าวให้ฮือฮาด้วยราคาทำลายสถิติโลกในหมวดหมู่ของสะสมหลายชนิดทั้งวิสกี้ รถคลาสสิก และเพชรสี แต่ก็ไม่อาจสะท้อนภาพความจริงที่ว่าตลาดของสะสมยังคงไม่ฟื้นตัว โดยดัชนีการลงทุนในสินค้าหรูหราของ Knight Frank (KFLII) ซึ่งติดตามมูลค่าของการลงทุนตามความหลงใหล 10 รายการ พบว่าในช่วงปีที่ผ่านมาภาพรวมมูลค่าของสะสมลดลงราวๆ 1 %
ตามรายงานของ The Wealth Report 2024 จาก Knight Frank พบว่ามีของสะสม 6 ประเภทที่ทำกำไรในแดนบวก และมีเพียงหนึ่งประเภทที่มูลค่าเพิ่มขึ้นสองหลักเปอร์เซ็นต์นั่นก็คืองานศิลปะที่ 11%, ตามมาด้วยนาฬิกา 5%, เหรียญหายาก 4%, จิวเวลรี 2% และไวน์ 1% ส่วนของสะสมที่ราคาลดลง ได้แก่ เฟอร์นิเจอร์ลดลง 2%, กระเป๋าหรูที่ 4%, รถคลาสสิกที่ 6% และวิสกี้หายากที่ 9%
อย่างไรก็ตามเมื่อมองในรายละเอียดก็เรียกได้ว่ามูลค่าที่ลดลงไม่ถือว่าแย่หรือเป็นจุดเริ่มต้นความหายนะของตลาด หากแต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาของสะสมมีราคาปรับตัวสูงขึ้นมาก ผนวกเข้ากับสภาวะเศรษฐกิจที่ยังชะลอตัวก็ทำให้ความต้องการลดลงตามไปด้วย
งานศิลปะ (+11%)
ผลงานศิลปะคือของสะสมที่ทำกำไรได้สูงสุดในปีที่ผ่านมาที่ 11% ซึ่งหลักๆ มาจากการทำราคาในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2023 ก่อนจะค่อยๆ ปรับตัวลดลงในช่วงปลายปี โดยผลงานในรุ่น Old Master ที่ทำราคาได้โดดเด่นคือผลงานของ Peter Paul Rubens ขณะที่ในกลุ่มศิลปะร่วมสมัยกลับทำราคาได้น่าผิดหวัง ทั้งในคอลเล็กชันของนักการเงินผู้ล่วงลับ Gerald Fineberg ที่ขายได้ราคาต่ำกว่าประมาณการ และผลงานของกลุ่มศิลปินรุ่นใหม่ที่เคยได้รับการโปรโมตจากแกลเลอรีใหญ่จนทำราคาได้สูงขึ้นเกือบ 2 เท่าในปี 2022 มาปีนี้กลับกลายเป็นกลุ่มที่ราคาลดลงมากที่สุด
วิสกี้หายาก (-9%)
ในช่วงปีที่ผ่านมาวิสกี้ระดับลงทุน 50 ขวดมีมูลค่าลดลง 26% ขณะที่อีก 50 ขวดมูลค่าเพิ่มขึ้น 5% และอีก 20 ขวดมูลค่าเพิ่มขึ้นถึง 20% ทำให้ภาพรวมของตลาดดูมีมูลค่าลดลง แต่ในรายละเอียดก็ยังมีวิสกี้หลายชนิดที่ยังทำราคาได้ดี ขึ้นอยู่กับชื่อเสียงของโรงกลั่นและการเลือกของนักสะสม นอกจากนี้ผู้เชี่ยวชาญยังมองว่าวิสกี้หลายตัวถูกประเมินค่าต่ำเกินไป ซึ่งอาจกลับมาทำราคาสูงขึ้นในอีก 2 ปีข้างหน้าอีกด้วย
รถคลาสสิก (-6%)
ภาพรวมของมูลค่ารถคลาสสิกลดลงประมาณ 6% ในปีที่ผ่านมา แต่เมื่อมองย้อนไปในปี 2022 มูลค่ารถคลาสสิกเพิ่มขึ้นถึง 22% เมื่อเทียบตามสัดส่วนก็ถือว่าไม่แย่ในช่วงเศรษฐกิจแบบนี้ อีกทั้งยังมีรถยนต์หลายแบรนด์ที่ทำราคาในแดนบวกอย่าง BMW +9% และ Lamborghini +18% ด้วยภาพลักษณ์เร้าใจนักสะสมรุ่นใหม่
นาฬิกาหรู (+5%)
ปีที่แล้วมูลค่าการประมูลนาฬิกาหรูจากบริษัทการประมูลยักษ์ใหญ่ 3 แห่งอยู่ที่ 488 ล้านปอนด์ หรือราวๆ 2.2 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าเพียงเล็กน้อย โดยนาฬิกาที่ทำราคาได้ดียังเป็นนาฬิการุ่นหายากที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว อย่างเช่น Rolex John Player Special ทำลายสถิติราคาสูงที่สุดในโมเดลเดียวกันที่ราคา 2 ล้านปอนด์ หรือราวๆ 91 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าจากราคาเดิมที่เคยได้รับการประมูลในปี 2021 นอกจากนี้นาฬิกาจากผู้ผลิตอิสระยังคงได้รับความสนใจโดยติดอันดับ 10 นาฬิการาคาสูงที่สุด รวมแล้วมีมูลค่าสูงถึง 42 ล้านปอนด์หรือราวๆ 1.9 พันล้านบาท
กระเป๋าหรู (-4%)
กระเป๋าหรูเป็นของสะสมที่ตลาดรองมีความเชื่อมโยงกับตลาดค้าปลีกมากเป็นพิเศษ เพราะราคาขึ้นอยู่กับปริมาณกระเป๋าที่เข้าสู่ตลาดจากผู้ผลิตต้นทาง สิ่งที่เห็นได้ชัดในช่วงปีที่ผ่านมาคือ นักสะสมเริ่มมองหาความคลาสสิกมากขึ้น อย่างเช่นกระเป๋า Hermes Togo Birkin สีคลาสสิกอย่างสีดำก็ยังคงทำราคาได้ดี เพราะการันตีได้ว่ามูลค่าจะไม่ลดลงมากนัก โดยเฉพาะในสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน
ไวน์ (+1%)
ไวน์ชั้นดีเคยทำราคาได้ดีในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในกลุ่มไวน์จากผู้ผลิตขนาดเล็ก แต่ในปีนี้ไวน์ในกลุ่มนี้กลับปรับตัวลดลงมากที่สุด ขณะที่ไวน์เบอร์กันดีที่ขยายความนิยมไปมากก็ปรับตัวลดลงที่ 12% นับตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้ว ทำให้ภาพรวมของมูลค่าไวน์ปรับขึ้นไม่มาก
จิวเวลรี (+2%)
ราคาของสะสมประเภทเครื่องประดับและอัญมณียังคงแข็งแกร่ง จากการประมูลของสะสมที่มีประวัติศาสตร์น่าสนใจเมื่อปีที่แล้ว ส่วนปรากฏการณ์ใหม่ที่น่าจับตามองคือ การเข้ามาของนักสะสมผู้ชายที่ได้แรงบันดาลใจจากจิวเวลรีของศิลปินฮิปฮอปชาย โดยเฉพาะในกลุ่มนักสะสมรุ่นใหม่ Rubens
อ้างอิง: