วันนี้ (2 ตุลาคม) สมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา ตนได้ร่วมประชุมกับหัวหน้าส่วนราชการเพื่อสรุปสถานการณ์น้ำท่วมและแนวทางการแก้ปัญหา โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุโขทัย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม ที่จังหวัดสุโขทัย
สมศักดิ์กล่าวว่า ตนได้เน้นย้ำในที่ประชุมให้เฝ้าระวังพื้นที่ในจังหวัดสุโขทัยเป็นพิเศษ เนื่องจากในพื้นที่ตำบลปากแคว อำเภอเมืองสุโขทัย ได้เกิดดินสไลด์ ส่งผลให้น้ำทะลักเข้ามาแล้ว ซึ่งต้องช่วยกันติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยผู้ว่าฯ สุโขทัยก็คงหลับไม่ได้ ต้องเฝ้าสถานการณ์ตลอดเวลา เพราะหากดินสไลด์เพิ่มจะส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง ส่วนหลังสถานการณ์คลี่คลายก็ต้องมีการเร่งสร้างเขื่อนกันดินสไลด์ในจุดนี้เพิ่ม นอกจากนี้เป็นที่ทราบกันดีว่า แม่น้ำยมเป็นแม่น้ำสายเดียวที่ไม่มีเขื่อนรองรับ จึงทำให้เกิดน้ำท่วม เพราะมวลน้ำที่ไหลมามีจำนวนมากถึง 400 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
“ผมไม่กล้าหวังที่จะให้มีการสร้างเขื่อน แม้ว่าพี่น้องประชาชนจะบอกว่า มีแนวโน้มที่ประชาชนส่วนใหญ่จะเข้าใจ แต่หลายครั้งที่เราพูดคุยเรื่องเขื่อนก็จะมีปัญหา ผมจึงไม่อยากพูด แต่เปลี่ยนไปพยายามแก้ปัญหาในวิธีอื่นแทน อย่างในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง ตั้งแต่จังหวัดอุตรดิตถ์ สุโขทัย และภาคเหนือตอนบน จังหวัดแพร่ เราก็พยายามแก้ปัญหาในพื้นที่ที่ไม่กระทบกับต้นน้ำแม่น้ำยมก่อน เพื่อลดผลกระทบกับประชาชนให้ได้มากที่สุด เพราะหากย้อนไปดูเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ปี 2554 สร้างความเสียหายถึง 1.42 ล้านล้านบาท ซึ่งในตอนนั้นน้ำมีความสูงถึง 13 เมตร” สมศักดิ์กล่าว
สมศักดิ์กล่าวอีกว่า จากการลงพื้นที่ ประชาชนเริ่มเรียกร้องให้ช่วยเหลือแบบยั่งยืน เพราะจังหวัดสุโขทัยเกิดเหตุน้ำท่วมทุกปี โดยเป็นเรื่องความไม่ปลอดภัย ซึ่งที่ผ่านมาเราพยายามแก้ปัญหาน้ำท่วมอย่างเต็มที่ โดยฝั่งขวาแม่น้ำยม ขณะนี้ก็ได้ดำเนินการออกแบบเพื่อแก้ปัญหาระยะยาวแล้ว ซึ่งหลังจากนี้ตนจะนำเรียน เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้รับทราบและพิจารณาถึงแนวทางการแก้ปัญหานี้ เพราะจะสามารถช่วยการระบายน้ำได้เป็นอย่างดี และเวลาน้ำแล้งเรายังสามารถปิดประตูเก็บน้ำไว้ใช้ได้อีก เพราะในอีก 3 ปี มีการคาดการณ์ว่าจะเกิดภัยแล้งจากเอลนีโญ ดังนั้นถ้าเราวางแผนแก้ปัญหาแบบเป็นระบบก็จะสามารถบริหารจัดการน้ำได้ทั้งหมด
สมศักดิ์กล่าวอีกว่า สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมจังหวัดสุโขทัยตั้งแต่ช่วงเช้าวันนี้ พบว่ามีพื้นที่ 9 อำเภอได้รับผลกระทบแล้ว และมีประชาชนได้รับผลกระทบเพิ่มเป็น 2,007 ครัวเรือน เป็นพื้นที่กว่า 62,483 ไร่ นอกจากนี้ ยังพบว่าที่น่าเป็นห่วงเพิ่มเติมคือตำบลปากแคว ตำบลยางซ้าย อำเภอเมืองสุโขทัย เกิดคันดินคอสะพานขาด พื้นที่อำเภอศรีสำโรง พนังกั้นน้ำบริเวณสะพานสิริปัญญารัตน์เกิดแยกตัว และพื้นที่อำเภอสวรรคโลก น้ำเอ่อล้นตลิ่งคันคลองและบริเวณคอสะพานหลายจุด ตนจึงฝากเตือนพี่น้องประชาชนติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเย็นวานนี้ สมศักดิ์ยังได้ลงพื้นที่จุดเสี่ยงเพิ่มเติม คือบริเวณหน้าจวนผู้ว่าฯ สุโขทัย โดยได้ขึ้นหลังรถกระบะ ถือตลับเมตรปีนขึ้นไปวัดระดับน้ำ พบว่าปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้น จากที่พนังกั้นน้ำสามารถรองรับได้ 2.80 เมตร ความหนาของพนังอยู่ที่ 15 เซนติเมตร แต่น้ำขณะนี้อยู่ที่ระดับ 2.40 เมตรแล้ว มวลน้ำก้อนใหม่ที่มาจากอำเภอวังชิ้น จังหวัดแพร่ ก็กำลังจะไหลมาที่จังหวัดสุโขทัย ซึ่งหากพนังกั้นน้ำได้รับความเสียหายแตกร้าวก็จะส่งผลให้น้ำไหลทะลักเข้าท่วมตัวเมืองที่เป็นแหล่งชุมชนและตลาด รวมถึงเรือนจำสุโขทัยด้วย จึงได้กำชับสั่งผู้ว่าฯ สุโขทัยให้ดูแลใกล้ชิด เพราะไม่อยากให้น้ำทะลักเข้าพื้นที่เศรษฐกิจของจังหวัด