วันนี้ (18 มกราคม) ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ภานุเดช เกิดมะลิ เลขาธิการมูลนิธิสืบนาคะเสถียร เข้ายื่นคำแถลงการณ์ฉบับที่ 2 ต่อ วราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อทวงถามความคืบหน้าการคืนความชอบธรรมให้บุคลากร กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และกระบวนการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีเรียกรับสินบนของ รัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
ภานุเดชกล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ถูกกล่าวหาว่าเรียกรับสินบนแลกกับการแต่งตั้งโยกย้ายผู้ใต้บังคับบัญชา ตามที่สื่อได้เสนอข่าวไปก่อนหน้านี้นั้น ทางมูลนิธิสืบนาคะเสถียรได้ออกแถลงการณ์ ‘คืนความชอบธรรมให้บุคลากรและการบริหารงานในกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช’ เมื่อวันที่ 2 มกราคมที่ผ่านมา
ซึ่งระยะเวลาล่วงเลยเกือบ 2 สัปดาห์ แต่ยังไม่มีความชัดเจน จึงทําให้ขาดความเชื่อมั่น ในวันนี้จึงได้นําคําแถลงการณ์ฉบับที่ 2 มายื่นเพิ่ม เพื่อเรียกร้อง 3 ข้อ คือ
- ควรมีการตรวจสอบเส้นทางการเงินของขบวนการที่ทุจริตเรียกรับสินบนในทุกระดับชั้น โดยเฉพาะผู้ปรากฏรายชื่ออยู่บนจ่าหน้าซองที่พบภายในห้องอธิบดีกรมอุทยานฯ และควรโยกย้ายเจ้าหน้าที่ภาคสนาม เพื่อให้กระบวนการตรวจสอบเป็นไปอย่างยุติธรรมและโปร่งใส
- ขอให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จัดแถลงความคืบหน้าการสอบสวนต่อเนื่องทุกสัปดาห์
- ขอให้กรมอุทยานฯ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ และรัฐบาล คืนความชอบธรรมให้แก่เจ้าหน้าที่ที่ถูกโยกย้ายอย่างไม่เหมาะสมและไม่เป็นธรรม และเร่งดําเนินการจัดทําโครงสร้างความก้าวหน้าในอาชีพ โดยบังคับใช้อย่างเป็นรูปธรรม
ด้าน รุ่งนภา พัฒนวิบูลย์ รักษาการอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กล่าวว่า หลังเกิดเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ตรวจสอบทุกพื้นที่ และพบว่ามีบางพื้นที่มีมูลต้องสงสัย
ส่วนความคืบหน้าคดี ยังอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนของกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) หลังการสอบสวนเสร็จสิ้น ทางกรมอุทยานฯ จะนำข้อมูลมาประกอบการพิจารณาทางวินัยของเจ้าหน้าที่ทุกคน ทุกหน่วยงาน ที่พบว่าเกี่ยวข้องกับขบวนการทุจริตหรือเงินสินบน
รุ่งนภากล่าวต่ออีกว่า ข้อเสนอแนะหรือข้อทวงถามของมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ในประเด็นโครงสร้างเส้นทางความก้าวหน้าในอาชีพ อยู่ระหว่างทำหลักเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติ ซึ่งคาดว่าจะมีความคืบหน้าภายใน 3 เดือนตามที่มูลนิธิคาดหวัง