วันนี้ (20 เมษายน) คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊ก ‘คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ Sudarat Keyuraphan’ นำเสนอ 4 มาตรการที่รัฐบาลสามารถนำไปปรับใช้ได้ทันที
คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวถึงการปรับงบปี 2563-2564 ใหม่ก่อนการกู้เงิน 1.9 ล้านล้านบาท เพื่อลดเพดานการกู้ให้เหลือไม่ถึง 1 ล้านล้านบาท ลดภาระภาษีประชาชน เร่งเยียวยาผู้เดือดร้อน ฟื้นพลังเอสเอ็มอี กระตุ้นการจ้างงาน-เปิดธุรกิจ เปิดการทำมาหากินแบบมีข้อบังคับทางสาธารณสุข และต้องทำทันที เติมกำลังใจคนไทยสู้ภัยโควิด-19
โดยคุณหญิงสุดารัตน์ระบุว่ารัฐบาลกำลังดำเนินการออก พ.ร.ก. กู้เงินจำนวน 1.9 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นการกู้เงินที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย ซึ่งตนเองในฐานะประธานกรรมการยุทธศาสตร์ของพรรคเพื่อไทยจึงมีความห่วงใยที่สุดใน 2 ประการคือ
- เห็นด้วยและสนับสนุนให้รัฐบาลใช้เม็ดเงินจำนวนมากในการเยียวยาประชาชนผู้เดือดร้อนให้ทั่วถึง และฟื้นฟูเศรษฐกิจให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยเร็ววัน
แต่ที่ท้วงติงด้วยความห่วงใยอย่างที่สุดคือรัฐบาลไม่ควรจะเลือกใช้วิธีง่ายๆ โดยการคิดกู้เพียงอย่างเดียวทั้งจำนวน 1.9 ล้านล้านบาท แต่ควรใช้วิธีปรับงบประมาณรายจ่ายที่ไม่จำเป็นเร่งด่วนของงบประมาณปี 2563 และ 2564 ออกไปก่อน เพื่อให้เหลือเป็นภาระการกู้เงินให้น้อยที่สุด เพราะการกู้เงินจำนวนสูงถึง 1.9 ล้านล้านบาทจะเป็นภาระให้ประชาชนและลูกหลานไทยจะต้องใช้หนี้ไปอีกนานทีเดียว
- ปรารถนาที่จะเห็นการใช้เม็ดเงินจำนวนมหาศาลนี้เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนได้ทั่วถึง และใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจไทยอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ให้ได้ผลดีต่อเศรษฐกิจของคนส่วนใหญ่อย่างแท้จริง อย่างทั่วถึง และเป็นธรรม โดยปราศจากการแสวงหาผลประโยชน์เพื่อคนบางกลุ่ม และการทุจริตคอร์รัปชัน
คุณหญิงสุดารัตน์ยังพูดถึงกรณีที่มีคนถามว่า ถ้าพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลจะช่วยเหลือประชาชนและแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในวิกฤตครั้งนี้อย่างไร โดยให้ข้อเสนอว่าถ้าเป็นรัฐบาลจะเร่งดำเนินการดังต่อไปนี้
- ตัดงบประมาณปี 2563 ที่มีสูงถึง 3.2 ล้านล้านบาทที่ไม่จำเป็นออกไป ทั้งการซื้ออาวุธ, สร้างตึกใหม่, ซื้อรถใหม่, อบรมสัมมนา ฯลฯ ตัดให้ได้ 10-15% ก็จะได้เงิน 3-5 แสนล้านบาทมาเยียวยาประชาชน 2 กลุ่มได้โดยไม่ต้องกู้คือ
1.1 กลุ่มประชาชนที่ได้รับผลกระทบทั้งหมด 20 ล้านคน เดือนละ 5,000 บาท เป็นเวลา 3 เดือน รวมใช้เงิน 3 แสนล้านบาท 1.2 เกษตรกรรายย่อย 5 ล้านครัวเรือนที่ประสบภัยแล้งและโควิด-19 ครอบครัวละ 35,000 บาท รวมใช้เงินอีก 1.75 แสนล้านบาท
รวมสองรายการ ใช้เงินจำนวน 4.75 แสนล้านบาท สามารถจ่ายให้ประชาชนได้โดยไม่ต้องกู้ ส่วนการปรับลดงบประมาณที่ต้องเสนอเป็นกฎหมาย พรรคเพื่อไทยก็พร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ และหากจะต้องจ่ายเงินประชาชนในทันทีก็สามารถทำข้อตกลงกับสถาบันการเงินให้จ่ายประชาชนไปพลางก่อนได้
หากรัฐบาลไม่สามารถตัดงบประมาณปี 2563 และ 2564 ได้ หรือตัดได้น้อยกว่าที่ควรจะทำได้ ก็ควรจะต้องมีคำชี้แจงต่อประชาชนให้ทราบว่าเหตุใดรัฐบาลจึงไม่สามารถตัดงบประมาณที่ไม่จำเป็นเร่งด่วนในส่วนนี้ออกไปได้ เพื่อนำเงินมาแก้ไขปัญหาวิกฤตของชาติก่อน
- เร่งพิจารณาโครงการเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในวงเงิน 5 แสนล้านบาทตามที่รัฐบาลเสนอ ซึ่งเพื่อไทยเห็นด้วยและสนับสนุน แต่ต้องหามาตรการช่วยเหลือเอสเอ็มอีรายย่อยที่อยู่นอกระบบเป็นจำนวนมากด้วย เพราะถ้าฟื้นพลังของพี่น้องเอสเอ็มอีได้จะกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งระบบอย่างแท้จริง รวมทั้งต้องนำไปช่วยภาคการส่งออกและการท่องเที่ยวของประเทศไทยให้ฟื้นกลับคืนมาโดยเร็ววันด้วย
อีกโครงการที่พรรคเพื่อไทยเห็นด้วยอย่างยิ่งคือโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจอื่นๆ ในวงเงินที่รัฐบาลเสนอคือ 4 แสนล้านบาท แต่ต้องใช้ให้มีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจ้างงานและการสร้างรายได้ใหม่ให้ประชาชนในท้องถิ่นต่างๆ อย่างทั่วถึงได้อย่างแท้จริง เราจึงจะสามารถฟื้นเศรษฐกิจของประเทศได้ อย่างไรก็ตาม เงินในส่วนนี้ต้องกู้ แต่ต้องกู้เท่าที่จำเป็น ไม่ใช่กู้ทั้ง 1.9 ล้านล้านบาทโดยไม่ยอมตัดงบประมาณใดๆ หรือตัดในจำนวนน้อยมาก
ต้องกู้หลังตัดงบประมาณที่ไม่จำเป็นเร่งด่วนในปี 2563 และ 2564 ออกไปก่อน ซึ่งจะทำให้รัฐบาลสามารถลดวงเงินกู้ไปได้ถึงครึ่งหนึ่ง จากที่ต้องกู้สูงถึง 1.9 ล้านล้านบาท จะเหลือกู้ไม่ถึง 1 ล้านล้านบาทได้ ซึ่งจะเป็นการลดภาระของประชาชนและลูกหลานที่ต้องเป็นผู้ชำระหนี้ก้อนนี้ต่อไปอีกยาวนาน
- เร่งเตรียมมาตรการที่จะเปิดเมือง เปิดธุรกิจ และการทำมาหากินของประชาชน เพื่อให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจดำเนินการได้บนพื้นฐานความปลอดภัยของประชาชนเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด และเพื่อลดผลกระทบทางเศรษฐกิจที่กำลังสาหัสสำหรับประชาชน ขอเรียกมาตรการนี้ว่า ‘การ Reopening แบบมีข้อบังคับทางสาธารณสุข’ เพื่อความปลอดภัย ปลอดเชื้อของประชาชน และลดผลกระทบทางเศรษฐกิจไม่ให้สาหัสไปกว่านี้
- เร่งพิจารณามาตรการผ่อนผันภาระของประชาชนและภาคธุรกิจออกไปก่อน ทั้งการพักชำระหนี้ทุกประเภทออกไป 6 เดือน หรือการงดเก็บค่าน้ำค่าไฟสำหรับบ้านที่ใช้ไม่เกิน 1,000 บาทต่อเดือน ฯลฯ
คุณหญิงสุดารัตน์ทิ้งท้ายว่าทั้ง 4 มาตรการที่นำเสนอเป็นสิ่งที่รัฐบาลนำไปทำได้ทันที นโยบายใดก็ตามที่เป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนในยามนี้ เพื่อไทยพร้อมให้การสนับสนุนและร่วมชี้แนะให้การบริหารของรัฐบาลมีประสิทธิภาพมากขึ้น
โดยตนเองเชื่อว่าในภาวะยากลำบากนี้ต้องทำให้ความทุกข์ร้อนของพี่น้องประชาชนเบาบางลงมากที่สุด เราต้องทำให้พี่น้องประชาชนมีพลังกายพลังใจต่อสู้กับโรคร้ายด้วยความอิ่มปากอิ่มท้อง ไม่ใช่ทุกข์หนักอย่างทุกวันนี้ และพรรคเพื่อไทยจะยืนหยัดช่วยเหลือพี่น้องอยู่ตรงนี้ อยู่ที่นี่ ไม่ไปไหน จะทุ่มเททุกสรรพกำลังและศักยภาพที่เรามีทั้งหมดเพื่อผ่อนทุกข์ให้ประชาชนมากที่สุดเช่นกัน
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์