คนรุ่นใหม่ในยุคนี้อาจทันได้เห็นความขัดแย้งระหว่าง เสื้อเหลือง-เสื้อแดง ปลายทศวรรษ 2540 ถึงต้นทศวรรษ 2550 รวมถึงการชุมนุมของกลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ในปี 2556 นำมาสู่การรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557
แน่นอนว่าหลายคนไม่ทันเห็นบรรยากาศการเมืองยุคเหตุการณ์พฤษภา 2535 ‘ม็อบมือถือ’ การชุมนุมพร้อมโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ยังไม่ใช่สมาร์ทโฟนอย่างปัจจุบัน แต่เป็นเทคโนโลยีใหม่ของสมัยนั้น ขณะที่สังคมยังไม่ใช้อินเทอร์เน็ตในการติดต่อสื่อสาร
หลังคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) ยึดอำนาจในปี 2534 และใช้กำลังปราบปรามผู้ชุมนุมในปี 2535 ปีเดียวกันนั้นเอง ก่อนจะถึงเดือนพฤษภาคม มีนักการเมืองหญิงเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ใหม่แห่งพรรคพลังธรรม ชื่อ ‘สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์’ เริ่มต้นเป็น ส.ส. เข้าสภาสมัยแรกเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2535
จาก ส.ส. ใหม่ที่ พล.ต. จำลอง ศรีเมือง หัวหน้าพรรค ส่งไปเจรจายื่นจดหมายให้กับ พล.อ. สุจินดา คราประยูร นายกรัฐมนตรี เรียกร้องให้ลาออก แต่พล.อ. สุจินดาไม่ลาออก ส.ส. สุดารัตน์ในขณะนั้นต้องขึ้นเวทีแจ้งผู้ชุมนุม เป็นอีกบทบาทนอกจากเป็น ส.ส. ในสภาแล้วยังมีบทบาทนอกสภาด้วย
ผ่านพ้นเหตุการณ์พฤษภา 2535 สุดารัตน์ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี 4 กระทรวง ขณะสังกัดพรรคพลังธรรมและพรรคไทยรักไทย ตามลำดับ
นับแต่ปี 2535 จนถึงปัจจุบัน เป็นเวลา 30 ปีที่นักการเมืองหญิงผู้นี้ยังทำงานการเมือง ผ่านมาแล้ว 3 พรรค ปัจจุบันเป็นพรรคที่ 4 ซึ่งเป็นพรรคแรกที่สร้างพรรคเอง พร้อมกับยืนยันว่าจะเป็นเสาเข็มและเป็นนั่งร้านให้คนรุ่นใหม่โดยจะไม่ยอมเป็นนั่งร้านให้เผด็จการ
THE STANDARD สัมภาษณ์ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย พรรคใหม่ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพรรคที่มีชื่อคล้ายกัน ไม่ว่าจะเป็น สร้างอนาคตไทย หรือ รวมไทยสร้างชาติ ซึ่งเป็นพรรคการเมืองของกลุ่มนักการเมืองคนละขั้วความคิด
ส.ส. สมัยแรกปี 2535 ความเป็นผู้หญิงในยุคนั้น และการพบเจออุปสรรค
การเป็นนักการเมืองหญิงในยุคนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เขามองผู้หญิงเป็นแค่ไม้ประดับ สมัยนั้นมีการเขียนถึงนักการเมืองหญิงแบบนี้เลยนะ เป็นสีสัน เป็นดอกไม้ แทนที่จะชมเรา แต่กลับบอกว่ามี ส.ส. คนนี้เข้ามาเป็นดอกไม้ประดับสภา เขามองเราแค่นั้น
โดยส่วนตัวก็ไม่ค่อยพอใจกับการถูกเปรียบเทียบแบบนี้ ในสังคมยุคนั้นซึ่งความเท่าเทียมทางเพศยังน้อยอยู่
ขณะที่ความเป็นนักการเมืองหญิงสำหรับเรา การต้องทำงานหนักสู้งานลุยงานเดินทางไปที่ยากลำบากไปที่กันดารไม่ใช่ปัญหา เพราะถูกฝึกมาตั้งแต่เด็กในเรื่องเหล่านี้จึงไม่ได้เป็นอุปสรรค แม้การจะทำให้คนอื่นยอมรับต้องใช้ความพยายามมากถึงสองเท่าของผู้ชายถึงจะได้รับการยอมรับ
เกิดจากพรรคการเมืองแรก ‘พลังธรรม’
โชคดีที่เกิดทางการเมืองในนามพรรคพลังธรรม ซึ่ง พล.ต. จำลอง ศรีเมือง ให้โอกาสเป็นเลขาธิการพรรค ซึ่งเป็นผู้หญิงคนแรก ถือว่าได้โอกาสพิสูจน์ตัวเอง
แต่อาจเป็นเพราะเกิดปีวัวเดือนวัว เกิดวันกรรมกร 1 พฤษภาคม ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทุกอย่างยากหมดในชีวิตของผู้หญิงที่ชื่อสุดารัตน์
อุปสรรคอีกข้อคือต้องใช้ความเพียรพยายามให้เขาเห็นความสามารถเรามากกว่าผู้ชาย แต่ก็ต้องฟันฝ่าความอิจฉาริษยาของผู้ชายอย่างแรงกล้า ยิ่งเขาไม่ยอมให้ผู้หญิงนำ เราก็จะถูกผู้ชายอิจฉาริษยาอย่างแรง
ได้รับโอกาสจากผู้ใหญ่ แต่ถูกผู้ชายอิจฉา
พอเราได้รับโอกาสจากผู้ใหญ่แล้วได้แสดงฝีมือเต็มที่ ผู้ชายที่เป็นคนที่ร่วมงานจะไม่ค่อยพอใจ ตลอดชีวิตถูกผู้ชายอิจฉามาตลอด แล้วผู้ชายสร้างปัญหาให้ตลอด หลังนี่พรุนเลย ถูกแทงข้างหลังประจำ แต่เราเป็นผู้หญิงที่ใจผู้ชาย เรานักเลง เรามีอะไรไม่ได้ไปแทงข้างหลัง เราถามตรงๆ ขณะที่ตลอดชีวิตถูกผู้ชายแทงข้างหลังมาตลอด หลายเรื่องก็รู้ตัวว่าใครเป็นคนทำ ไปว่าเราซะเสียหาย ฝีมือผู้ชายเช่นกัน ต้องให้อภัยและสมเพชในความน่าสงสารของคนเหล่านี้ที่จิตใจหมกมุ่น เรื่องนี้ก็เป็นอีกอุปสรรค
เคยถูกใส่ร้ายเรื่องชู้สาว
ตอนสาวๆ ถูกใส่ร้ายป้ายสีว่ามีความสัมพันธ์ลับๆ กับคนนั้นคนนี้ เราจะโดนประจำเลยนะ สมัยนั้นการใส่ร้ายจะบอกว่าเป็น ‘ผู้หญิงง่าย’ แต่เวลาก็ได้เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าความจริงคือความจริง
โชคดีที่พ่อสอนให้มีจิตใจที่เข้มแข็ง แล้วเราก็ไม่ได้หวั่นไหว เราพิสูจน์ตัวเองมาจนถึงวันนี้ได้ ผ่านอุปสรรคได้
ความเป็นลูกสาวคุณพ่อ ส.ส. สมพล เกยุราพันธุ์
พ่อสอนมาตั้งแต่เด็กๆ ในความเป็นนักการเมืองของพ่อ ให้มีความแข็งแกร่ง อดทน สู้งานหนัก ตามพ่อไปพื้นที่ต่างๆ ตอนพ่อเป็น ส.ส. โคราช
เคยถามพ่อว่าทำไมพ่อต้องทุ่มเทขนาดนี้ พ่อบอกว่าถ้าประชาชนยังมีทุกข์อยู่ เราอาสาที่จะลงไปเป็นผู้แทนเขา ต้องถือว่าทุกข์ของเขาคือทุกข์ของเรา ต้องแก้ทุกข์ของเขาให้ได้
ตามพ่อไปพื้นที่ต่างๆ ไปนอนในหมู่บ้านกับชาวบ้าน สมัยก่อนอารมณ์ก็จะเหมือนผู้ใหญ่ลีตีกลองประชุม ชาวบ้านต่างมาชุมนุม พอผู้แทน (ราษฎร) มาก็มาล้อมกันทั้งหมู่บ้าน
เขาก็ล้มวัวล้มควายทำลาบ ทำซกเล็ก ทำลาบเลือดมาให้เรากิน ตอนเด็กๆ ตอนนั้นก็ไม่กล้ากิน เพราะมาเป็นเลือดเลย แต่พ่อบอกว่าเราต้องกิน อยู่อย่างชาวบ้านให้ได้
ฉะนั้นความแข็งแกร่ง มองประชาชนเป็นนาย ถูกถ่ายทอดมาจากคุณพ่อจนอยู่ใน DNA ของเรา
ทศวรรษแรกของการทำงานการเมือง
เนื่องจากเราทำธุรกิจมาก่อนย่อมหวังผลสำเร็จ แต่ตอนเป็นนักการเมืองในทศวรรษแรก การเมืองยังไม่ถูกปฏิรูป จะรู้สึกว่าการเมืองมันย่ำอยู่กับที่ เวลาเรามีนโยบายที่ดีทุ่มเทแทบตาย พอเราย้ายกระทรวงก็ไม่มีใครทำต่อ เรามีความรู้สึกว่าประเทศชาติขาดโอกาสในการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ก็เป็นอีกหนึ่งในอุปสรรคที่ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชายต้องเจอ
จำนวนนักการเมืองหญิงในสมัยที่คุณหญิงเป็น ส.ส. สมัยแรก
มี ส.ส. เป็นผู้หญิงจำนวนสิบต้นๆ ยิ่งผู้หญิงเป็นรัฐมนตรียิ่งน้อยมาก ตอนเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ผู้หญิงคนแรกที่เป็นรัฐมนตรีกระทรวงนี้คือ ท่านผู้หญิงเลอศักดิ์ สมบัติศิริ (รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมหญิงคนแรก) ส่วนเราเป็นรัฐมนตรีหญิงคนที่สองของกระทรวงคมนาคม
จากนั้นไปเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย จนถึงปัจจุบันนี้นับเป็นรัฐมนตรีผู้หญิงคนเดียวในร้อยสามสิบกว่าปีของกระทรวงมหาดไทย
แล้วก็มาอยู่กระทรวงสาธารณสุขก็เป็นรัฐมนตรีว่าการที่เป็นผู้หญิงคนเดียว มาอยู่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ก็เช่นเดียวกัน เป็นรัฐมนตรีว่าการหญิงคนเดียว
เป็นรัฐมนตรี 4 กระทรวง โดยเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการ 2 กระทรวง (คมนาคม, มหาดไทย) ตอนอยู่พรรคพลังธรรม และเป็นรัฐมนตรีว่าการ 2 กระทรวง ตอนอยู่พรรคไทยรักไทย (สาธารณสุข, เกษตรฯ) ก่อนเหตุการณ์รัฐประหาร 19 กันยายน 2549
นอกจากบทบาท ส.ส. ในสภาผู้แทนราษฎร และรัฐมนตรีในกระทรวงต่างๆ ก็เคยอยู่บนเวทีชุมนุมด้วย
เป็น ส.ส. ครั้งแรก 22 มีนาคม 2535 เข้าสภาไม่เกิน 5 ครั้ง แล้วมาอยู่กลางถนนเลย ตอนนั้นพล.ต. จำลอง มอบหมายให้ทำจดหมายถึงพล.อ. สุจินดา ตอนนั้นเหตุการณ์จะคล้ายกับตอนนี้ คือมีการรัฐประหารโดย รสช. แล้วปล่อยให้มีการเลือกตั้ง แต่ฉีกรัฐธรรมนูญแล้วเขียนรัฐธรรมนูญสืบทอดอำนาจของตัวเอง เขียนให้คนนอกมาเป็นนายกฯ ได้ ท้ายที่สุดเกิดคำพูดว่าเสียสัตย์เพื่อชาติ หัวหน้าคณะรัฐประหารมาเป็นนายกฯ ซึ่งประชาชนก็ไม่ยอม ก็ออกมาเดินขบวน ทางพรรคพลังธรรมก็ถูกเรียกร้องให้ออกมาร่วมกับประชาชน พล.ต. จำลองจึงเขียนหนังสือถึงพล.อ. สุจินดา ในขณะนั้น
แล้วก็เลือก ส.ส. หน้าใหม่อย่างเรา ซึ่งเป็น ส.ส. ไม่กี่สัปดาห์ ให้เป็นผู้ไปเจรจาเพื่อให้ท่านนายกฯ สุจินดา ลาออก ซึ่งเป็นอะไรที่เราก็งงในตัวเองว่า ข้าพเจ้าเนี่ยนะ?
ไปถึงก็มีทหารนั่งเต็มเลย ก็ไปเจรจากับท่านนายกฯ สุจินดา และต้องยอมรับว่าท่านเป็นคน Nice ให้เกียรติ ถึงแม้ว่าเราจะเด็กมาก แล้วก็เอาหนังสือที่จะให้เขาลาออกยื่นให้ เขาอ่านแล้วมองหน้า แล้วถามเหตุผล ก็ถกกันประมาณ 6 ชั่วโมง ด้วยความที่เราไม่ได้ก้าวร้าว จะบอกว่าเป็นมิตรก็คงไม่ใช่ แต่มีความสุภาพ ท่านก็ใช้คำพูดที่ดี เราบอกเหตุผลทั้งหมด ท่านตอบมาว่า ท่านไม่ลาออก
เราก็ขึ้นเวทีชุมนุมเพราะพล.ต. จำลองบอกให้ขึ้นเวทีไปแจ้งผู้ชุมนุม ก็ได้ถ่ายทอดตรงไปตรงมา ซึ่งผู้ชุมนุมไม่ต้องการให้ผู้รัฐประหารมาสืบทอดอำนาจ เหตุการณ์เหมือนวันนี้แต่วันนี้หนักกว่าที่ฉีกรัฐธรรมนูญทิ้ง แล้วเขียนให้สืบทอดอำนาจหนักกว่าเดิม นอกจากคนนอกเป็นนายกฯ ได้แล้ว ยังมี ส.ว. 250 เสียง มีแผนยุทธศาสตร์ชาติยิ่งหนักกว่าเดิม บรรยากาศเหมือนกัน
จากนั้นก็มีการชุมนุมใหญ่ขึ้น เราเป็น ส.ส. ใหม่ๆ ต้องขึ้นเวทีปราศรัย เป็นหัวหอกในการนำการต่อต้านเผด็จการ ทำให้เราได้รู้สึกถึงความหวงแหนรัฐธรรมนูญว่ารัฐธรรมนูญไม่ควรถูกฉีกง่ายๆ แบบนี้ ทำให้เรารู้สึกว่าเรามีหน้าที่ที่จะต้องปกป้องระบอบประชาธิปไตย แล้วก็ถูกฝังหัวฝังชิปตั้งแต่นั้นมาว่า เราเองจะต้องเป็นนักการเมืองที่อยู่บนหลักการประชาธิปไตย ต่อต้านการรัฐประหารและอำนาจเผด็จการ เป็นจุดยืนจากวันนั้นจนถึงวันนี้ ยังไม่เปลี่ยนแปลง
ในทศวรรษที่ 2 ของคุณหญิง พล.ต. จำลองเป็นแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ต่อต้านรัฐบาลคุณทักษิณ ชินวัตร ซึ่งคุณหญิงสุดารัตน์อยู่ในนั้น ได้พูดคุยเผชิญหน้ากันหรือไม่
เราถูกสอนให้เป็นคนที่มีความกตัญญู พ่อแม่สอนเรื่องนี้ ส่วนช่วงที่พล.ต. จำลองลุกขึ้นมาต่อต้านดร.ทักษิณ ตอนนั้นก็ห่างจากพล.ต. จำลอง จากเดิมเคยไปเยี่ยมไปพบช่วงสงกรานต์ ตอนนั้นห่างกันไปช่วงหนึ่งเพราะช่วงนั้นแรงมาก
ท้ายที่สุดมีโอกาสพบท่านในงานศพของกลุ่มเดิมๆ มีโอกาสเปิดใจกัน ทุกวันนี้ก็ยังเป็นผู้ใหญ่ที่มีพระคุณ ส่วนเรื่องความเห็นต่างทางการเมืองมีได้ แต่เขาเคยเป็นหัวหน้าพรรคที่ให้โอกาสเรา เรายังมีความเคารพ รู้สึกถึงบุญคุณที่เขาได้ให้โอกาสทางการเมือง แม้จะเห็นต่างกัน
จากความขัดแย้งปี 2549 หลังจากนั้นกี่ปีจึงได้คุยกับ พล.ต. จำลอง
ช่วงนั้นคือหลังถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปี เมื่อพรรคไทยรักไทยถูกยุบ พอพ้นช่วงถูกตัดสิทธิ์ก็ยังไม่ได้เข้าการเมือง แต่ไปทำเรื่องบูรณะสถานที่ประสูติของพระพุทธเจ้า ท่านก็ไม่ค่อยสบาย ได้มีโอกาสไปเยี่ยมได้พูดคุยกันตั้งแต่ก่อนเราเรียนปริญญาเอกพุทธศาสนา พอตอนเรียนก็ไปสัมภาษณ์พล.ต. จำลองด้วย ทำความเห็นเรื่องการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองด้วยหลักคุณธรรม 4 ประการ ก็เลยได้มีโอกาสไปสัมภาษณ์พล.ต. จำลอง ไปสัมภาษณ์คู่ขัดแย้งทางการเมืองต่างๆ ณ ห้วงนั้นก็ได้คุยกัน
ความสัมพันธ์กับคุณทักษิณ ชินวัตร อดีตผู้นำพรรคที่เคยสังกัดเช่นเดียวกับพล.ต. จำลอง
ไม่ได้ทำงานกับ พล.ต. จำลองแล้ว เช่นเดียวกันก็เหมือนกับคุณทักษิณตอนนี้ เราก็ไม่ได้ทำงานด้วยกันแล้ว
วันนี้พรรคไทยสร้างไทยไม่ใช่แบงก์พันของพรรคไหน แล้วก็ไม่ได้เป็นสาขาของใคร หลายคนไปพูดให้เสียหาย
แม้ว่าเราจะโดนอะไรมาแค่ไหน เราก็ไม่เคยพูดถึงในทางที่ทำร้ายคุณทักษิณ แม้ไม่ได้ทำงานกับคุณทักษิณแล้ว เราก็ถือว่าเป็นเคราะห์กรรมเป็นความชอกช้ำของเราเท่านั้นเอง ไม่ไปพูดอะไรให้ใครเสียหาย
ทศวรรษที่ 2 มีอำนาจรัฐ แต่ถูกรัฐประหาร
ตอนพรรคพลังธรรมมีอันเป็นไป มีเราสอบได้เป็น ส.ส. คนเดียวจาก 30-40 คน แล้วผู้บริหารพรรคตัดสินใจยุติการสร้างพรรคต่อ ส่วน พล.ต. จำลองก็ไม่ได้ทำพรรคต่อ
เราก็มาตั้งกลุ่มพลังไทย เพื่อส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ก. และ ส.ข. ใน กทม. ส่วนใหญ่เป็นฐานการเมืองเก่าของพรรคพลังธรรม
ตอนนั้นท้องแก่ใกล้คลอดลูกคนกลาง (มีลูก 3 คน ภูมิภัทร ลีลาปัญญาเลิศ (บอส), พีรภัทร ลีลาปัญญาเลิศ (เบสท์) และ ยศสุดา ลีลาปัญญาเลิศ (จินนี่))
ตอนเป็นกลุ่มพลังไทย ส่งผู้สมัคร ส.ก. และ ส.ข. คลอดลูกวันที่ 1 มกราคม น้องเบสท์ ขณะที่กำลังจะมีเลือกตั้งหลังจากคลอดประมาณ 1 สัปดาห์
ช่วงหาเสียง สามีต้องอุ้มขึ้นรถแห่ อุ้มขึ้นเวทีปราศรัย เพราะท้องใหญ่มาก ตอนนั้นใช้โรงพยาบาลเป็นกองอำนวยการต่างๆ ยังมีรูปอยู่เลย ซึ่งผลออกมาก็ดีใจ เพราะเป็นช่วงรอยต่อที่พลังธรรมเขาไม่ทำต่อแล้วเราต้องเลือกตั้ง ส.ก. และ ส.ข. จะทิ้งเพื่อนร่วมงานก็ไม่ได้ ต้องตั้งกลุ่มพลังไทย ทั้งที่ไม่พร้อม กำลังท้องใกล้คลอด ปราศรัยจนวันสุดท้าย ตอนกลางคืนเจ็บท้อง ไปคลอดวันที่ 31 ธันวาคม คลอดดึกๆ หลังเที่ยงคืน เป็นวันที่ 1 มกราคม
ผลออกมาน่าพอใจ เราชนะที่ 1 เราได้ ส.ก. และ ส.ข. มากที่สุด ชนะพรรคการเมืองทุกพรรคที่มีอยู่ในขณะนั้น ทั้งๆ ที่เราเป็นกลุ่มใหม่ ก็ได้รับการต้อนรับ เป็นจุดเริ่มต้นที่รวมคนไว้อยู่
ขณะที่ดร.ทักษิณ ซึ่งเคยอยู่พรรคพลังธรรมมาก่อนออกจากพรรค แล้วพล.ต. จำลองก็ยุติบทบาทพรรค เหลือเราเป็น ส.ส. อยู่คนเดียว เมื่อดร.ทักษิณได้ตัดสินใจตั้งพรรคไทยรักไทย จึงได้เข้าร่วมกับพรรคไทยรักไทย
ได้มาเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดที่ 2 จากชุดแรกได้เป็นรัฐมนตรีของพรรคพลังธรรม 2 กระทรวง คือ คมนาคมและมหาดไทย ได้รับการมอบหมายให้ดูแลงาน กทม. ทั้งหมดทุกกรมจะอยู่กับเรา แล้วก็ดูผู้ว่าฯ กทม. เพราะ พล.ต. จำลองมอบหมายให้ทำ
ในทศวรรษแรกรับผิดชอบการดูแล กทม. ทั้งหมด จราจร น้ำท่วม มลภาวะ การสร้างพื้นที่สีเขียว ทำเรื่องคุณภาพชีวิตของคนกรุง ยุคนั้นไม่มีระบบไฟอัตโนมัติ ต้องนั่งซ้อนมอเตอร์ไซค์ทุกเช้าเพื่อไปตามแยกต่างๆ ที่รถติดมากๆ เพื่อกระตุ้นตำรวจจราจร ช่วงนั้นยังไม่มีรถไฟฟ้า
ก่อน พล.ต. จำลอง ออกจากตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. ก็ได้เซ็นสัญญาทำ BTS ซึ่งเป็นรถไฟฟ้าสายแรก ตอนเราเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการคมนาคมได้รับมอบหมายให้ผลักดัน BTS ให้เกิดให้ได้ เป็นคนผลักดัน เป็นคนแรกที่ทำแผนแม่บทรถไฟฟ้า 10 สายที่ใช้จนมาถึงทุกวันนี้ที่ก่อสร้างกัน นอกจากนั้นทำแผนแม่บททางด่วนโครงข่ายใยแมงมุมตั้งแต่ปี 2538-2539 จนถึงวันนี้ยังสร้างไม่เสร็จ ทำสะพานให้รถข้ามแยกที่รถติดเป็นสิบสะพานในยุคนั้น เป็นคนแรกทำรีเวิร์สเลน ช่วงคนเดินทางเยอะ เช่น ตอนเช้าเข้าเมือง 3 เลน ออกเมือง 1 เลน ตอนเย็นออกเมือง 3 เลน เข้าเมือง 1 เลน เพิ่มพื้นผิวจราจรและตัดทะลุตรอกซอกซอย
ชุดที่ 2 ของการเป็นรัฐมนตรีคือมาร่วมกับพรรคไทยรักไทย มารับผิดชอบโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค นพ.สงวน นิตยารัมภ์พงศ์ เป็นผู้คิด แล้ว ดร.ทักษิณ หัวหน้าไทยรักไทยตัดสินใจชูนโยบายนี้เป็นนโยบายหาเสียง มอบหมายให้เราดำเนินการ อยู่ทำโครงการจนสำเร็จ 4 ปีเต็ม เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ขณะที่รัฐมนตรีช่วยฯ มีสลับสับเปลี่ยนมาช่วงนั้น แต่เรายืนหนึ่งในการทำโครงการ 30 บาท 4 ปีเต็มของการเป็นรัฐมนตรี ต้องขอบคุณนพ.สงวนและบุคลากรการแพทย์การสาธารณสุขทุกคน ร่วมมือจนสำเร็จเป็นประโยชน์กับประชาชนจนถึงวันนี้
ทำเรื่องอาหารปลอดภัย ทำเรื่องโภชนาการ พยายามทำให้คนแข็งแรง ‘ผักครึ่งหนึ่งอย่างอื่นครึ่งหนึ่ง’ รวมถึงพยายามทำให้คนออกกำลังกาย ซึ่งสมัยนั้นคนออกกำลังกายน้อยมาก ตัวเลขที่กระทรวงส่งมาประมาณ 8 แสนถึง 1 ล้านคนประมาณนี้ ก็หากิมมิกเต้นแอโรบิกชิง Guinness World Record จากนั้นทุกหมู่บ้านและหน้าห้างมีลานแอโรบิก
สามารถลดโรคไขมัน ความดัน เบาหวาน กราฟ 3 โรคนี้ลดลง ในระหว่างเป็นรัฐมนตรี 4 ปี นอกจากนั้นรับมือซาร์ส ไข้หวัดนก และสึนามิด้วย
จากนั้นไปกระทรวงเกษตรฯ ได้รับมอบหมายดูแลปัญหาความยากจน ทำเรื่องปฏิรูปการเกษตร เอาเข้า ครม. เป็นแผนแล้วแต่ถูกรัฐประหารปี 2549 ก่อน เป็นแผนพลิกแผ่นดินของไทยให้เกษตรกรมีรายได้ดีขึ้น หมดหนี้สิน ร่ำรวยขึ้น
ถ้าไม่ถูกรัฐประหารปี 2549 โครงการที่เตรียมดำเนินการ
ตั้งเป้าให้เกษตรกรหายจน หมดหนี้ มีรายได้อย่างยั่งยืน 3 เรื่องนี้ ตอนนี้ก็เอามาเป็นนโยบายพรรคไทยสร้างไทยต่อ ปฏิรูปเพื่อลดต้นทุนการผลิต เพิ่มผลผลิตต่อไร่ การแปรรูป การตลาด ทำให้ครบวงจร เพื่อให้เกษตรกรไทยเหมือนเกษตรกรญี่ปุ่น ปลูกเอง แปรรูปเอง ขายเอง ไม่ต้องเป็นทาสนายทุนขนาดใหญ่ แต่ถูกรัฐประหารเสียก่อน
เตรียมสานต่อในพรรคไทยสร้างไทย
ปฏิรูปการเกษตร ต่อยอด 30 บาท โดยมี 3,000 บาทด้วย เพราะประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยเต็มขั้น เป็นประเทศกำลังพัฒนาประเทศแรกที่เข้าสู่สังคมผู้สูงวัย คือมีประชากรผู้สูงวัย 20% เป็น 11 ล้านคน เราต้องเตรียมตัวรองรับสังคมผู้สูงวัย โดยการทำให้ผู้สูงวัยยังทำงานได้ ดังนั้น 3,000 บาท ไม่ใช่ประชานิยม แต่เป็นโครงการรองรับสังคมผู้สูงวัย ไม่ได้ให้ฟรีๆ แต่ให้คนแก่ที่รายได้ไม่เพียงพอต่อการเลี้ยงชีพ นี่คือคำตามรัฐธรรมนูญ ไม่ขัดรัฐธรรมนูญแน่นอน มีศูนย์สร้างสุขภาพ เพื่อให้กลับมาทำงานได้ ลดค่าใช้จ่ายการรักษาพยาบาล บริษัทไหนที่จ้างคนแก่จะลดภาษีให้
นอกจากนั้น เรื่องการศึกษา จะให้เรียนฟรีจนจบปริญญาตรีอย่างมีคุณภาพ ลดเวลาการเรียน 3 ปี แทนที่จะเรียนจบอายุ 21 ปี ก็จะจบที่อายุ 19 ปี เป็นกำลังให้ประเทศได้เร็วขึ้น 3 ปี ขณะที่เรากำลังเข้าสู่สังคมสูงวัย แจกคูปองให้เด็กเลือกสถานศึกษา สถานศึกษาต้องแข่งกันทำคุณภาพออกแบบหลักสูตร เพราะอำนาจการซื้ออยู่ที่เด็กไม่ได้ให้โรงเรียนเหมือนเสือนอนกิน
ปรับหลักสูตรการเรียน วิชารำไทยกระบี่กระบองให้เป็นวิชาเลือก เพราะบางคนอาจจะไม่รู้จะเอาไปทำอะไร แล้วเน้นสอนวิชาที่เอาไปทำมาหากินในอนาคตได้ เช่น การขายของออนไลน์ ทำมาหากินได้ สอนทำคอนเทนต์ เป็น Content Creator การทำอาชีพจากเกมซึ่งมีรายได้มหาศาล เราจะปรับหลักสูตรเพราะโลกเปลี่ยนแล้ว
เคยพูดถึงจุดยืนว่าจะเป็นนั่งร้านให้คนรุ่นใหม่ ไม่เป็นนั่งร้านให้เผด็จการ
ยังยืนยันเป็นเสาเข็ม เป็นนั่งร้าน เป็นสะพาน เชื่อมโยงคนรุ่นใหม่ให้เข้ามาสู่การเมือง เพราะคนรุ่นใหม่คือเจ้าของประเทศ เราต้องสร้างความหวังให้กับเขา ให้เขามีความหวังในประเทศนี้ เห็นอนาคตกับประเทศนี้ โดยใช้พรรคไทยสร้างไทยเป็นเครื่องมือ ยังยืนยัน ตอนนี้อาจจะยังเป็นพรรคใหม่ ไม่มีใครรู้จัก ตัวเองต้องเป็นแม่ยก เป็นกรรมกรของพรรค รำป้ออยู่หน้าขบวนก่อน เพื่อสร้างพรรคให้ได้ก่อน จากนั้นจะถ่ายทอดให้คนรุ่นใหม่
ขณะนี้มีคนรุ่นใหม่เข้าพรรคเยอะมาก แล้วเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีคุณภาพ ประสบความสำเร็จในธุรกิจ เป็นเจ้าของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ ลาออกมาทำงาน เรามีคนรุ่นใหม่คุณภาพในแต่ละ Sector
คนรุ่นใหม่มีเพดานการเมืองที่แตกต่างหลากหลาย
สำหรับความเห็นความแตกต่างระหว่างคนรุ่นใหม่และคนรุ่นใหญ่ เราต้องรับฟังความเห็นต่าง ตาม Motto ไทยสร้างไทย ยุติความขัดแย้ง รับฟังความเห็นต่าง มุ่งสร้างเศรษฐกิจไทย เราต้องให้เกียรติไม่ว่าเขาจะเด็กแค่ไหน เราก็ต้องฟัง ฟังแล้วได้แลกเปลี่ยนเหตุผลซึ่งกันและกัน แล้วอธิบายเหตุผลว่าอะไรคือสิ่งที่ควรจะเป็นทางออก หาทางออกร่วมกัน ถ้ายิ่งห่างออกไปแล้วไม่คุยกัน มันยิ่งทำให้เกิดความขัดแย้ง แล้วถูกทำให้เกิดความเสียหายต่อสถาบันมากกว่า แต่ถ้าได้คุยกัน ได้มีเวทีที่ปลอดภัยให้มีการคุยกัน เราจะหาเหตุผลและทางออกร่วมกันได้ ระหว่างคนรุ่นใหญ่ ที่มองเห็นว่าเรื่องสถาบันมีความจำเป็น กับคนรุ่นใหม่ที่อยากจะให้เกิดความเปลี่ยนแปลง ถ้าไม่คุยกันก็จะเผชิญหน้ากันอย่างนี้ตลอดไป
ฉะนั้นส่วนตัวได้เสนอตั้งแต่อยู่พรรคเก่าแล้วว่า สภาต้องเป็นที่พึ่ง เปิดเวทีให้คนมาคุยกัน ไม่ใช่มาเอาตำแหน่งประธานสภาหรือให้คนในรัฐบาลมานั่งกันเต็ม แล้วเอาคนเห็นต่างมานั่งเป็นตัวประกอบ มันไม่เกิดผล เราต้องเอาคนที่เห็นต่างจริงๆ มานั่งหาทางออกร่วมกัน
กุญแจที่ 2 คือต้องแก้รัฐธรรมนูญก่อนการเลือกตั้ง วันนี้เป็นเรื่องที่น่าผิดหวังมากที่แก้รัฐธรรมนูญเฉพาะเรื่องบัตรเลือกตั้ง เพราะไม่ได้แก้ปัญหาประเทศ ไม่สามารถทำให้คนรุ่นใหม่เป็นอนาคตของประเทศนี้ได้ ตราบใดที่ยังมี ส.ว. 250 คน และมีแผนยุทธศาสตร์ชาติ ต้องแก้รัฐธรรมนูญเป็นฉบับประชาชนเพื่อแก้ความขัดแย้งทางการเมือง
พรรคไทยสร้างไทย จะแตกต่างอย่างไรกับ 3 พรรคที่ผ่านมา (พลังธรรม, ไทยรักไทย, เพื่อไทย)
เดิมพรรคถูกยุบหรือตัดสินใจไม่ทำต่อ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ตัดสินใจมาสร้างพรรคเอง เป็นการสร้างพรรคโดยใช้ประสบการณ์ 30 ปี มาเป็นเสาเข็มให้ ให้พรรคเป็นของประชาชนจริงๆ เราเกิดจากพรรคพลังธรรม เป็นพรรคที่มี DNA ชัดเจน ไม่ทำเพื่อประโยชน์ตัวเอง แต่ทำเพื่อประโยชน์สังคม อยากจบชีวิตทางการเมืองด้วยการมีพรรคการเมืองที่เป็นเครื่องมือในการทำงานให้ประชาชนได้ดีที่สุด แล้วยืนอยู่บนฝั่งประชาธิปไตย โดยที่อยู่บนฐานให้ประชาชนมีส่วนร่วมกับพรรค ได้ทำระบบบล็อกเชน ระบบสื่อสาร จะเป็นพรรคที่เป็น Political Tech เต็มรูปแบบ มีระบบฟังเสียงประชาชน ตอนนี้เพื่อสร้างนโยบาย เมื่อหลังเลือกตั้งเป็น ส.ส. แล้วก่อนลงมติเรื่องอะไร จะมีกลไกให้สมาชิกพรรคหรือประชาชนโหวตมาว่าในเรื่องนี้จะเอาอย่างไร การให้คนมีส่วนร่วมกับพรรคจะเป็นหัวใจของพรรคไทยสร้างไทย และพรรคไทยสร้างไทยเห็นความสำคัญของคน เราจะสร้างคุณภาพของคน สร้างสิทธิของคน
วิธีจำชื่อพรรคไทยสร้างไทย ขณะที่มีพรรคอื่นใช้คำว่า ‘สร้าง’ กับ คำว่า ‘ไทย’ เช่นเดียวกัน
ไม่ทราบเหมือนกันทำไมหลังจากมีพรรคไทยสร้างไทยแล้วก็มีพรรคอื่นที่มี ‘สร้าง’ กับ ‘ไทย’ ขึ้นมาเยอะแยะ
เอาเป็นว่าถ้าเห็นหน้าสุดารัตน์ คือ ไทยสร้างไทย ไม่ใช่พรรคอื่น