วานนี้ (10 พฤษภาคม) ช่วงดึกที่ผ่านมา คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคไทยสร้างไทย พร้อม สุพันธุ์ มงคลสุธี แคนดิเดตนายกฯ พรรคไทยสร้างไทย, เบสท์-ทวีชัย วงศ์ไพโรจน์กุล รองโฆษกพรรคไทยสร้างไทย และคณะทำงานด้านความเท่าเทียมทางเพศและเสมอภาคทางสังคม, สุวดี พันธุ์พานิช ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) กรุงเทพมหานคร (กทม.) เขต 1 กับ ป๋อม-นรุตม์ชัย บุนนาค ผู้สมัคร ส.ส. กทม. เขต 3 ของพรรคไทยสร้างไทย และกลุ่มสาวงามข้ามเพศ เดินสำรวจสภาพเศรษฐกิจย่านสีลมในยามราตรี ร้านเดอะ สเตรนเจอร์ บาร์ (The Stranger Bar) และอีกหลายร้านย่านสีลมซอย 2
คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า วันนี้มีโอกาสมาขอคะแนนจากประชาชนกลุ่ม LGBTQIA+ ในยามค่ำคืน และถือโอกาสแจก ‘ยาไล่ลุง’ ซึ่งเป็นนโยบายและจุดยืนของพรรค ที่ระบุอย่างชัดเจนว่า หากพี่น้องประชาชนไม่เอาลุง ไม่เอาความขัดแย้ง ไม่เอาความวุ่นวาย การเมือง 2 ขั้ว ที่จะนำไปสู่การรัฐประหารเหมือน 17 ปีที่ผ่านมา ให้เลือกพรรคไทยสร้างไทยที่จะเข้าไปยุติความขัดแย้ง ยุติการเมือง 2 ขั้วที่ทำให้ประชาชนทุกข์ยากแสนสาหัส ความขัดแย้งที่นำมาสู่การรัฐประหารถึง 2 ครั้งได้สร้างความถดถอยให้กับประเทศ ดังนั้น หากใครเห็นว่าถึงเวลาที่ต้องไล่ลุงออกจากการเมือง ให้เลือกพรรคไทยสร้างไทย พรรค ‘ส’ หมายเลข 32 เพื่อเข้าไปสร้างโอกาส สร้างเศรษฐกิจ และนำชัยชนะมาสู่ประชาชน
ขณะเดียวกันพรรคไทยสร้างไทย มีนโยบายในการผลักดันกฎหมายเพื่อความเท่าเทียม 3 ฉบับ ประกอบด้วยพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สมรสเท่าเทียม พ.ร.บ.ขจัดการเลือกปฏิบัติ และ พ.ร.บ.รับรองอัตลักษณ์ทางเพศ ซึ่งหากพรรคไทยสร้างไทยได้เป็นรัฐบาล ขอประกาศให้คำมั่นว่าจะผลักดันกฎหมายทั้ง 3 ฉบับให้แล้วเสร็จเป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุด
ด้านสุพันธุ์เปิดเผยภายหลังการเดินสำรวจสภาพเศรษฐกิจย่านสีลม ซึ่งถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดอีกแห่งหนึ่งในยามค่ำคืนของกลุ่ม LGBTQIA+ โดยระบุว่าพรรคไทยสร้างไทยพร้อมจะผลักดัน พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม ซึ่งจะช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตร เปิดโอกาสให้คนที่มีความรักต่อกัน ได้ใช้ชีวิตร่วมกันโดยไม่ถูกแบ่งแยกด้วยเพศและมีกฎหมายรองรับ มีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อย่างสมบูรณ์แบบ และหากเปิดโอกาสให้คู่รักต่างชาติจดทะเบียนสมรสที่ไทยได้ ก็จะทำให้เกิดการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นทั้งจากต่างชาติที่เข้ามาจัดงานแต่งงาน มาซื้ออสังหาริมทรัพย์ มาท่องเที่ยวฮันนีมูนได้อีกมหาศาล
“ไทยจะสามารถสร้างรายได้มหาศาลจากการเปิดพื้นที่ให้กับกลุ่มเพศหลากหลาย หากเราสร้างให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายด้านการท่องเที่ยวและเป็นมิตรกับเพศหลากหลาย” สุพันธุ์กล่าว
ด้าน เบสท์ ทวีชัย กล่าวว่า สีสันของแดร็กควีนในค่ำคืนนี้ ไม่ต่างจากภาพของเศรษฐกิจไทยก่อนโควิดที่ไร้การช่วยเหลือและสนับสนุนจากภาครัฐ จนหลายคนต้องผันตัวไปทำอาชีพอื่น สิ่งเหล่านี้เป็นความสูญเสียที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น เพราะแดร็กควีนไม่ใช่แค่อาชีพ ไม่ใช่แค่ตัวเงิน แต่ยังเป็นตัวตน เป็นศิลปะที่แต่ละบุคคลใช้แสดงออกของความเป็นตัวเอง แต่ก็มาพังเพราะรัฐที่ขาดการดูแลและสนับสนุนอย่างจริงจัง แม้อาชีพของคนกลุ่มนี้จะสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้หลายพันล้านบาทต่อปีก็ตาม