วันนี้ (29 มีนาคม) คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ุ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย กล่าวภายหลังการอ่านบทความเรื่อง ‘ใครชนะเลือกตั้งก็แก้วิกฤตประเทศไม่ได้ พรรคเล็กก็ทำให้ประเทศไทยชนะได้’ ของ ศ.นพ.ประเวศ วะสี ซึ่งเสนอว่านโยบายต้องเป็น ‘ปัญญาสูงสุดของชาติใดชาติหนึ่ง’ เพราะถ้านโยบายผิดพลาดจะนำประเทศชาติไปสู่ความหายนะได้ ที่ผ่านมาเรามีความสำเร็จทางนโยบายน้อยมาก เนื่องจากทำเป็นส่วนๆ โดยไม่ครบวงจร ไม่มี ‘ชุดนโยบายที่ดีที่สุด’ ในการแก้ไขปัญหาประเทศแบบครบวงจร เพื่อให้พรรคการเมืองต่างๆ ร่วมกันขับเคลื่อน การแก้รัฐธรรมนูญบนหลักการ 4 ข้อ โดยเสนอให้อาศัย ‘กระบวนการแก้รัฐธรรมนูญ’ เป็นเครื่องมือสร้าง ‘ผลึกทางนโยบาย’ และ ‘ผ่าทางตันของประเทศ’ บนหลัก 4 ข้อคือ
- แก้ไขรัฐธรรมนูญเบื้องต้นเพื่อเปิดทางให้สามารถตั้ง ‘สภาร่างรัฐธรรมนูญจากคนกลาง’ มายกร่างรัฐธรรมนูญขึ้นใหม่ เพื่อให้คนไทยทุกฝ่ายมีพื้นที่ที่จะมาพูดคุยกันด้วยเหตุด้วยผล
- ให้ใช้ ‘กระบวนการยกร่างรัฐธรรมนูญแบบมีส่วนร่วมของคนไทยทุกฝ่ายอย่างกว้างขวางที่สุด’ เป็นเครื่องมือแสวงหา ‘จุดหมายร่วม’ ในเรื่องหลักๆ ที่คนไทยทุกฝ่ายเห็นพ้องตรงกันแล้วให้ทำประชามติรับรอง
- ให้เขียนรัฐธรรมนูญแค่ ‘หลักใหญ่ๆ’ ที่คนไทยทุกฝ่ายเห็นตรงกันได้ แล้วหากมีประเด็นใดที่ยังเห็นแตกต่างกันในรายละเอียดของวิธีปฏิบัติเพื่อไปสู่ ‘จุดหมายร่วม’ ที่ทุกฝ่ายเห็นตรงกันแล้วนั้น ก็ค่อยเลือกพรรคการเมืองที่เป็นตัวแทนของประชาชนแต่ละฝ่ายไปต่อสู้ทางความคิดเพื่อหาข้อยุติกันในสภา ภายใต้กฎกติกาตามที่ตกลงกันไว้ในรัฐธรรมนูญ
- ให้มี ‘องค์กรอิสระที่ยึดโยงกับประชาคมทางวิชาการของประเทศ’ ทำหน้าที่ประเมินผลงานของทุกองค์กรภายใต้รัฐธรรมนูญด้วยมาตรฐานความเป็นกลางทางหลักวิชาที่เชื่อถือได้ รายงานการประเมินดังกล่าวจะทำให้องค์กรต่างๆ ตามรัฐธรรมนูญทำงานอย่างโปร่งใสถูกตรวจสอบได้มากขึ้น
คุณหญิงสุดารัตน์เห็นว่า หากพรรคการเมืองต่างๆ หันมาเริ่มต้นแข่งขันกันใหม่ภายใต้กฎกติกาที่ประชาชนทุกฝ่ายมีส่วนร่วมกำหนดอย่างแท้จริง และมีระบบติดตามประเมินผลที่ช่วยในการตัดสินใจเช่นนี้
จะช่วยเรื่องปัญหาความแตกแยกในบ้านเมืองที่ผ่านมาจะคลี่คลายโดยลำดับ และจะเป็น ‘ทางรอดของประเทศ’ โดยเปลี่ยน ‘พลังความขัดแย้ง’ ให้กลายเป็น ‘พลังขับเคลื่อน’ ที่จะอภิวัฒน์ประเทศไทยไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองแบบก้าวกระโดด
หากคนไทยยังต้องการอยู่กับการเมืองแบบเดิมๆ เช่นนี้ต่อไปก็ให้เลือกพรรคอื่น แต่ถ้าต้องการความเปลี่ยนแปลงตามแนวทางที่ตนนำเสนอก็ขอให้เลือกพรรคไทยสร้างไทย และพรรคที่ประกาศจุดยืนเห็นด้วยกับการจัดทำ ‘รัฐธรรมนูญฉบับประชาชน’ ตามหลักการที่พรรคไทยสร้างไทยเสนอ ให้ได้เสียงรวมกันเกินกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนประชาชนที่มีสิทธิออกเสียงทั้งประเทศ
เพื่อจะได้เป็น ‘ฉันทามติของคนไทย’ ที่จะให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยไม่จำเป็นต้องใช้งบประมาณหลายพันล้านบาทเพื่อไปทำประชามติถามประชาชนให้ซ้ำซ้อนอีกว่า ‘เห็นด้วยกับการให้จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนตามหลักการที่กล่าวมานี้หรือไม่’