วันนี้ (25 กรกฎาคม) คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย ศรัณย์ ทิมสุวรรณ ส.ส. จังหวัดเลย, สรัสนันท์ อรรณนพพร ส.ส. จังหวัดขอนแก่น, อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรค, สนธยา หลาวหล้าง อดีตผู้สมัคร ส.ส. ภูเก็ต เขต 2 และ ตรีรัตน์ ศิริจันทโรภาส อดีตผู้สมัคร ส.ส. กทม. ลงพื้นที่รับฟังความเห็นจากผู้ประกอบการ SMEs จังหวัดภูเก็ต
ธนูศักดิ์ พึ่งเดช ประธานหอการค้าจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า จังหวัดภูเก็ตมีเครื่องยนต์ตัวเดียวคือการท่องเที่ยว ที่ผ่านมาสร้างรายได้ 30,000 ล้านบาทต่อเดือน 400,000 ล้านบาทต่อปี จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 10 ล้านคน และคนไทย 4 ล้านคนต่อปี เฉลี่ยรายได้ต่อหัว 40,000 บาทต่อเดือน จังหวัดจึงเริ่มพัฒนาการท่องเที่ยว และโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ทำถนน อุโมงค์ และสนามบิน ฯลฯ จนทำให้อุตสาหกรรมอื่นด้อยไป ขณะเดียวกันการบริหารแบบแมส ทำให้คนท้องถิ่นเริ่มมีปัญหาเรื่องการอยู่อาศัยและขาดแคลนน้ำ
ในช่วงการระบาดของโควิด-19 ที่นักท่องเที่ยวกลายเป็นศูนย์ ทำให้โรงแรมกว่า 2,000 แห่งเดือดร้อน ขณะเดียวกันจังหวัดมองว่าเป็นโอกาสที่ดีที่จะทำให้นักท่องเที่ยวจำนวนมากลดลงเหลือ 50% ให้กลับมาท่องเที่ยวหลังโควิด-19 แต่รัฐจะต้องเตรียมความพร้อมสำหรับเปิดการท่องเที่ยวให้ภูเก็ต เพื่อแข่งขันกับแหล่งท่องเที่ยวในประเทศอื่นๆ เช่น บาหลี ด้วยการพัฒนาสาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐาน และเสนอให้ภูเก็ตเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ เพราะจะบริหารทุกจังหวัดเหมือนกันไม่ได้ และจังหวัดหาเงินได้เพียงพอที่จะบริหารจัดการตัวเอง
“ทั้งนี้ การดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในช่วงโควิด-19 คือทำให้ภูเก็ตเป็นสถานที่กักตัวของรัฐ เพราะมีโรงแรมจำนวนมาก แต่มีเส้นทางการเดินทางน้อย จึงสามารถควบคุมการเดินทางได้แทบ 100% โรงพยาบาลนานาชาติก็มีครบ และถ้ามีการกักตัวคนที่มาก็จะเป็นนักท่องเที่ยวคุณภาพ เพราะในต่างประเทศผู้ป่วยต้องอาการหนักถึงจะได้เข้าโรงพยาบาล ต่างจากไทยที่มีการดูแลที่ดีกว่า คนก็ยิ่งรู้สึกว่าอยากจะมาไทย แล้วก็จะมีการท่องเที่ยวต่อหลังกักตัว” ธนูศักดิ์กล่าว
ธนูศักดิ์กล่าวด้วยว่า ถ้าหากต้องการให้มีนักท่องเที่ยวน้อยลง แต่มีคุณภาพมากขึ้นและอยู่ยาวมากขึ้นก็จะชดเชยรายได้จากจำนวนนักท่องเที่ยวเดิมได้ ด้วยการพัฒนาเครื่องยนต์อีก 7 ตัว คือ ความหลากหลายของวัฒนธรรมอาหาร การศึกษา ศูนย์กลางการแพทย์ฝั่งอันดามัน ศูนย์กลางการเดินเรือ ส่งเสริมการแข่งขันกีฬาทางทะเล Smart City และสร้างตลาดปลาเพื่อจำหน่ายสินค้าและอาหารทะเลคุณภาพแบบประเทศญี่ปุ่น
นอกจากนี้ธนูศักดิ์มีข้อเสนอเพิ่มเติมคือ ต้องการให้รัฐอัดฉีดเงินเข้าระบบผ่านการกู้หนี้ของธุรกิจในภูเก็ต แล้วอีก 2 ปี ค่อยวางแผนการใช้คืนเงิน และเปลี่ยนวิธีการจ่ายเงิน เพราะที่ผ่านมามีนโยบาย แต่ไม่ปล่อยเงินจากธนาคาร ผู้ประกอบการจำนวนมากกู้ไม่ผ่าน
จากนั้นคุณหญิงสุดารัตน์เสนอนโยบายภูเก็ตโมเดลที่กำลังจัดทำอยู่ในชั้นกรรมาธิการการท่องเที่ยว เพื่อให้สภาฯ SMEs ช่วยกันเสนอความเห็นว่า ประเทศไทยเสียหายทางเศรษฐกิจมาก เพื่อแลกกับการได้แชมป์ควบคุมโควิด-19 จึงต้องเอามาเป็นต้นทุนในการฟื้นฟูเมืองต่อ อันดับแรกรัฐบาลต้องสร้างและประกาศความมั่นใจว่าเป็นประเทศปลอดภัย ยุติ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน เพื่อสร้างความมั่นใจ จัดหาเครื่องมือและอุปกรณ์การแพทย์ให้พร้อม จัดหา PCR Test ตามด้วยนโยบายกระตุ้น 4 ระยะ โดยแต่ละระยะจะมีการเตรียมตัวเองและโครงสร้างพื้นฐานให้พร้อม ได้แก่
- ไทยเที่ยวไทย โดยออกคูปองส่วนลดคนมาเที่ยวภูเก็ต ทั้งเครื่องบิน โรงแรม และค่าใช้จ่าย
- Staycation ให้คนต่างชาติเดินทางเข้ามากักตัวที่ภูเก็ต 14 วัน และพักผ่อนในโรงแรม โดยคนเหล่านี้ต้องมีใบตรวจโรคและมีการตรวจ PCR ที่สนามบินและระหว่างกักตัว โรงแรมจะต้องทำข้อตกลงจากคนนอกโรงแรมว่าต้องซื้อและใช้จ่ายจากข้างนอกด้วย เพื่อให้กระจายรายได้ และพนักงานเองก็กักตัวที่โรงแรมด้วย
- เทศเที่ยวไทยปลอดภัย ปล่อยนักท่องเที่ยวที่ผ่านการตรวจโรคแล้วเข้าจังหวัด แต่ต้องเข้มข้นกับมาตรการคัดกรอง ทุกจุดเข้าออกจังหวัด เพื่อเป็นการเปิดรับนักท่องเที่ยวเข้ามาอย่างปลอดภัย และให้ทันการเปิดประเทศของประเทศอื่นๆ โดยจำกัดปริมาณคนที่จะเข้ามาให้ยังสามารถควบคุมโรคได้ แต่อยู่แค่ในจังหวัดเท่านั้น แล้วถ้าเกิดการระบาดโรคตรงไหน ก็ปิดตรงจุดนั้น แล้วจ่ายเงินชดเชยให้กักตัวเป็นจุด
- ทำหลุมหลบภัยจากคนที่กลัวโควิด-19 ทั่วโลก และมา Work from Home ที่ภูเก็ต โดยจ่ายเงินค่าอยู่อาศัยเป็นแพ็กเก็จที่ภูเก็ตว่าอยู่นานแค่ไหน
คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า ตนทำงานด้านอสังหาริมทรัพย์ จะเห็นว่าตอนนี้ยอดซื้อคอนโดมิเนียมตก แต่ยอดซื้อบ้านเดี่ยวเพิ่มขึ้น เพราะคนต้องการพื้นที่ทำงานที่บ้าน ดังนั้นการทำภูเก็ตเป็นหลุมหลบภัย จึงเป็นแนวทางที่น่าจะสร้างประโยชน์ได้ยาว และถ้าการทดลองตรงนี้ผ่าน จึงจะเริ่มเปิดทั้งประเทศได้
ด้าน เชิญพร กาญจนสาย ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า คนภูเก็ตพร้อม หากรัฐบาลให้เครื่องไม้เครื่องมือ และสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนทั้งประเทศ
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล