วันนี้ (4 พฤษภาคม) สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงเหตุการณ์ประชาชนตกบ่อพักท่อร้อยสายไฟฟ้าใต้ดินบริเวณเกาะกลางถนนปากซอยลาดพร้าว 49 เมื่อวานนี้ (3 พฤษภาคม)
สุชัชวีร์กล่าวว่า ส่วนตัวรับไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สิ่งที่ทุกคนเห็นแต่ละหน่วยงานโยนกันไปมา ทั้งกรุงเทพมหานคร (กทม.) การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ซึ่งสุดท้ายแล้วคนตายหาเจ้าภาพไม่เจอและเกิดเหตุซ้ำซาก
จึงถึงเวลาของประเทศไทยต้องเปลี่ยนเป็นสังคมปลอดภัย ซึ่งตนได้รณรงค์ให้ประชาชนมาร่วมลงชื่อให้เกิน 10,000 คนขึ้นไป เพื่อเสนอกฎหมายจัดตั้ง ‘องค์กรอิสระเพื่อความปลอดภัยสาธารณะ’ อย่างน้อยเพื่อที่จะหาคนกลางหรือเจ้าภาพได้เมื่อเกิดเหตุการณ์ลักษณะดังกล่าวขึ้น เพื่อจะสามารถร้องเรียนที่คณะกรรมการหรือองค์กรนี้ได้ทันที ซึ่งอาจขึ้นตรงกับผู้นำประเทศ
สุชัชวีร์กล่าวต่อว่า องค์กรอิสระนี้สามารถติดตามความเสี่ยง พร้อมเผยแพร่ข้อมูล ประชาสัมพันธ์ และทำให้หน่วยงานหลักที่เป็นเจ้าของ เข้าไปแก้ไขปัญหาได้ตรงจุด หรือเกิดการสูญเสียถึงแก่ชีวิตหรือสูญเสียทรัพย์สินก็ยังมีการถอดบทเรียน ไม่ใช่วัวหายล้อมคอก คนตายไปสุดท้ายไม่ได้ทำอะไร และตายฟรี
ดังนั้นขอเชิญชวนประชาชนมาลงชื่อได้ที่ suchatvee.com ให้เกิน 10,000 ชื่อ ซึ่งขณะนี้กำลังร่างกฎหมายเสนอสภา เพื่อให้เหมือนกับในต่างประเทศ เพราะมีหน่วยงานกลางดูแลความเสี่ยง ถอดบทเรียนหาผู้รับผิดชอบและเอาผิด จะได้เข็ด รวมทั้งเยียวยาผู้สูญเสียที่เป็นธรรม
สุชัชวีร์กล่าวว่า ผู้รับเหมาต้องทำงานเพื่อให้ได้เงินเร็วที่สุด แต่หลายครั้งการทำแบบนี้ก็ได้มาซึ่งความสูญเสีย มาตรฐานที่ไร้คุณภาพ เช่น เจ้าของงานจ้างผู้รับเหมามาสร้างบ้าน ก็ต้องจ้างคนคุมงานมาดูแลด้วย ดังนั้นจากกรณีนี้ เจ้าของพื้นที่คือ กทม. จะโยนไปที่ กฟน. ถือว่าไม่ถูกต้อง เพราะพื้นที่เกาะกลางถนนและฟุตปาธเป็นของ กทม. ใครจะทำอะไรต้องมาขอ กทม. และระหว่างทำ กทม. มีหน้าที่ในการดูแล ส่วนการส่งมอบ กทม. ก็ต้องมีส่วนร่วมในฐานะเจ้าของบ้าน จะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ แต่ในอดีตหน่วยงานโยนกันไปมา และจบที่การกล่าวแสดงความเสียใจ ปัดออกจากตัวหมด
พอไปถึงหน่วยงานซึ่งดูเหมือนจะเป็นเจ้าของ หน่วยงานนั้นก็โยนให้ผู้รับเหมา และผู้รับเหมาโยนไปที่บริษัทประกันชีวิต ทั้งนี้ เมื่อถึงบริษัทประกันชีวิตก็จะสู้ด้วยข้อกฎหมายที่อาจระบุว่าคนเดินแล้วเกิดอุบัติเหตุอาจจะประมาท มีสภาพร่างกายอาจไม่สมบูรณ์ กว่าจะจ่ายเงินเยียวยาก็ใช้เวลานาน หรือหลายกรณีไม่ได้เงิน เพราะครอบครัวไม่รู้จะเอาอะไรไปต่อสู้