สำนักข่าว AP รายงานอ้างผลการศึกษาของสถาบันนโยบายภาษีและเศรษฐกิจ หรือ The Institute on Taxation and Economic Policy ในกรุงวอชิงตัน สหรัฐฯ ที่ระบุว่า ปีที่ผ่านมา มีบริษัทสัญชาติอเมริกันมากกว่า 50 แห่งไม่ต้องเสียภาษีสักดอลลาร์เดียว แม้ว่าจะมีรายได้ก่อนหักภาษีเกือบ 4.05 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ และส่วนใหญ่ต่างใช้สิทธิ์หักลดหย่อนภาษีอย่างเต็มอัตราศึก ขณะที่อีกส่วนหนึ่งยังสามารถยื่นเรื่องขอคืนเงินภาษีได้อีกด้วย
ทั้งนี้ มีบริษัททั้งหมด 55 แห่งในรายงานที่ไม่ต้องเสียภาษี โดยครอบคลุมตั้งแต่บริษัทในภาคเกษตรกรรมไปจนถึงเทคโนโลยีขั้นสูง และหลายรายเป็นบริษัทใหญ่ชั้นนำอย่าง Nike และ Duke Energy
รายงานระบุว่า บริษัทเหล่านี้ใช้ประโยชน์จากมาตรการลดหย่อนภาษีของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ออกมาใช้ในปี 2017 รวมถึงมาตรการช่วยเหลือเศรษฐกิจจากวิกฤตโควิด-19
โดยนโยบายภาษีของทรัมป์นี้ นอกจากจะปรับลดภาษีจาก 25% ลงมาอยู่ที่ 21% แล้ว อดีตผู้นำสหรัฐฯ ยังให้เครื่องมือทางกฎหมายที่ใช้ในการลดหย่อนภาษี เช่น การหักค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับหุ้นที่มอบให้กับบรรดาซีอีโอและกรรมการผู้บริการ หรือได้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีเพราะลงทุนในธุรกิจที่รัฐบาลสนับสนุน ได้รับการลดหย่อนภาษีจากการออมในกองทุนบำนาญ หรือการสร้างบ้านประหยัดพลังงาน
CNN รายงานโดยยกตัวอย่างกรณีของ Duke Energy หนึ่งในบริษัทด้านสาธารณูปโภคที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ โดยปีที่แล้วบริษัทมีเครดิตภาษีมากเป็นประวัติการณ์ที่ 110 ล้านดอลลาร์ เพราะการผลิตพลังงานหมุนเวียนจากลม ขณะที่ Nike ใช้เครดิตภาษีไปสนับสนุนการวิจัยและพัฒนา รวมถึงใช้สิทธิประโยชน์จากหุ้นในการขอคืนภาษีมูลค่า 109 ล้านดอลลาร์ แม้จะมีรายได้ก่อนเสียภาษีสูงถึง 2.9 พันล้านดอลลาร์
Steve Wamhoff ผู้อำนวยการนโยบายภาษีของรัฐ แห่งสถาบันนโยบายภาษีและเศรษฐกิจ กล่าวว่า นโยบายภาษีของทรัมป์ที่มีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นให้บริษัทอเมริกันหันมาลงทุนในประเทศ รวมถึงมีมาตรการจูงใจให้บริษัทเหล่านี้หันมาเสียภาษีมากขึ้นนั้น กลายเป็นการเปิดช่องให้บริษัทมีหนทางลดภาระทางภาษีมากขึ้น ยิ่งเมื่อมีนโยบายช่วยเหลือช่วงโควิด-19 เข้ามา ก็ยิ่งทำให้บริษัทเหล่านี้มีหนทางขอลดหย่อนภาษีมากขึ้น
โดยในปี 2019 บริษัทเอกชนทั้งหมดจ่ายภาษีคิดเป็นมูลค่าเกือบ 2.43 แสนล้านดอลลาร์ ลดลง 30% เมื่อเทียบกับภาษีที่จัดเก็บเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ขณะเดียวกัน ผลการศึกษายังพบอีกว่า ก่อนหน้าทรัมป์จะปฏิรูปภาษี คือตั้งแต่ปี 2013-2017 ทุกๆ 1 ใน 3 ของบริษัทสหรัฐฯ ที่มีสินทรัพย์มากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ ไม่ได้เสียภาษีเงินได้เลยแม้แต่ดอลลาร์เดียว
ขณะที่ในปี 2019 รายได้จากภาษีบริษัทคิดเป็นสัดส่วน 3.9% ของรายได้จากภาษีทั้งหมดของรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งต่ำกว่าเกณฑ์เฉลี่ย 9.6% ขององค์กรเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD)
ทั้งนี้ เป้าหมายของการจัดทำรายงานในครั้งนี้ ก็เพื่อต้องการชี้ให้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เห็นว่า การปรับขึ้นภาษีไปที่ 28% อาจไม่ส่งผลต่อการจัดเก็บภาษี ตราบใดที่รัฐบาลยังไม่มีการปฏิรูปนโยบาย และเงื่อนไขในการลดหย่อนที่รัดกุมเพียงพอ อีกทั้งยังอาจทำให้การขึ้นภาษีส่งผลลบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล
อ้างอิง: