วันนี้ (6 กุมภาพันธ์) บริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาล เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย หรือ คปท. นำโดย พิชิต ไชยมงคล และ นัสเซอร์ ยีหมะ นัดหมายมวลชนจัดชุมนุมเรียกร้องให้รัฐบาลนำ ทักษิณ ชินวัตร กลับไปรับโทษในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร หลังจากที่พักรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลตำรวจมาตั้งแต่ช่วงเดือนสิงหาคม 2566
โดยกลุ่ม คปท. มาทวงถามถึงหนังสือที่เคยยื่นไปถึงนายกรัฐมนตรีในเรื่องดังกล่าว แต่จนถึงปัจจุบันยังไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น
นัสเซอร์กล่าวว่า ได้เจรจากับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจบริเวณสะพานชมัยมรุเชฐให้เปิดประตูรั้วเหล็กที่กั้นบริเวณสะพานออกหนึ่งช่องทาง เพื่อที่จะเดินทางเข้าไปยื่นหนังสือให้กับนายกรัฐมนตรีหรือตัวแทนที่เป็นฝ่ายการเมืองเท่านั้น
จากนั้นทางเจ้าที่ตำรวจได้เปิดประตูรั้วเหล็กออก กลุ่ม คปท. จึงตั้งขบวนเดินแถวเข้าประชิดรั้วทำเนียบ โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมชุมชนจากกองบัญชาการตำรวจนครบาลจำนวนหนึ่งกองร้อยยืนปิดกั้นถนนไม่ให้เข้าใกล้กลุ่มผู้ชุมนุมพรีมูฟที่มาปักหลักก่อนหน้านี้
จากนั้น สมคิด เชื้อคง เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางออกรับหนังสือจากกลุ่มผู้ชุมนุม คปท. โดยรับปากว่าจะนำหนังสือส่งไปตามขั้นตอนของหน่วยงานราชการ และรับรองว่าหนังสือจะถึงมือนายกรัฐมนตรีอย่างแน่นอน ทั้งนี้ ทางกลุ่มผู้ชุมนุม คปท. ได้แจ้งว่าหากยังไม่มีคำตอบในวันอังคารที่ 13 กุมภาพันธ์นี้ จะเดินทางกลับมาทวงถามอีกครั้ง
พิชิตกล่าวถึงความคืบหน้าการรวบรวมรายชื่อผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับการถูกปฏิบัติของทักษิณว่า ขณะนี้ใกล้ครบ 20,000 รายชื่อแล้ว และจะพยายามรวมให้ครบก่อนที่ทักษิณจะได้รับการพักโทษในวันที่ 22 กุมภาพันธ์นี้ ส่วนการปักหลักพักค้างคืนที่บริเวณเชิงสะพานชมัยมรุเชฐจะยังคงดำเนินการต่อเนื่องอย่างไม่มีกำหนดจนกว่าจะมีความชัดเจนจากองค์กรต่างๆ
สำหรับหนังสือที่ยื่นในวันนี้ระบุว่า
ตามที่เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ได้เคยยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน เรื่อง ขอให้สั่งการโดยเร่งด่วน กรณีที่นักโทษชายเด็ดขาดคดีทุจริตคอร์รัปชัน ทักษิณ ชินวัตร ได้อ้างสิทธิ์การนอนรักษาตัวนอกเรือนจำ ทั้งที่ไม่มีการตรวจอาการเบื้องต้นจากคณะแพทย์โรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อนนำตัวส่งออกนอกเรือนจำนั้น
ซึ่งขณะนี้ได้มีการแถลงอย่างเป็นทางการจากกรมราชทัณฑ์เมื่อครั้งเกินกำหนดการนอนรักษาตัวนอกเรือนจำ 120 วันว่า การที่ ทักษิณ ชินวัตร ยังอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจต่อไปนั้นก็เพื่อเป็นการเฝ้าระวังเป็นกรณีพิเศษ เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) เห็นว่า การเฝ้าระวังเป็นกรณีพิเศษนอกเรือนจำที่โรงพยาบาลตำรวจ
สำหรับ ทักษิณ ชินวัตร นั้นเป็นการได้รับสิทธิ์เกินกว่าผู้ต้องขังอื่นๆ รวมทั้งเป็นการทำลายสิทธิ์ของผู้ป่วยอื่นทั่วไปที่มีความจำเป็นในการต้องใช้เตียงและห้องในการรักษาตัวในโรงพยาบาลด้วย
นอกจากท่านยังไม่สั่งการ ติดตามในฐานะนายกรัฐมนตรีที่ต้องบริหารประเทศให้เกิดความยุติธรรมแล้ว ยังปล่อยให้มีการใช้สิทธิพิเศษเกินกว่าผู้ต้องขังอื่นจะได้รับคือการนอนเฝ้าระวังนอกเรือนจำโดยไม่มีเหตุจำเป็น นอกจากจะเป็นการทำลายกระบวนการยุติธรรมแล้วยังมีสิ่งที่ตามมาคือ งบประมาณที่ใช้ในการเฝ้าระวังดังกล่าวจะเป็นการใช้งบโดยไม่มีความจำเป็น โดยขอเรียกร้องดังนี้ต่อไปนี้
- ขอให้ท่านเร่งดำเนินการ สั่งการ ให้นำตัวผู้ต้องขังเด็ดขาด ทักษิณ ชินวัตร ผู้ต้องขังคดีทุจริตคอร์รัปชันกลับเข้าเรือนจำพิเศษตามคำพิพากษาของศาล หรือหากจำเป็นต้องเฝ้าอาการเป็นกรณีพิเศษ ก็สามารถเฝ้าวังได้ที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ ซึ่งมีศักยภาพเพียงพอในการเฝ้าระวังและติดตามอาการได้เช่นกัน การสั่งการเรียกร้องดังกล่าวจะเป็นการดำรง รักษาไว้ซึ่งหลักนิติรัฐและนิติธรรมของประเทศต่อไป
- ขอให้ท่านดำเนินการสั่งการให้มีการตรวจสอบการใช้งบประมาณในการใช้จ่าย เพื่อดูแลรักษาผู้ต้องขังเด็ดขาด ทักษิณ ชินวัตร ว่าเหมาะสมหรือไม่ หรือเป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณทางราชการในการดูแลนักโทษเพียงคนเดียวโดยไม่จำเป็น