เกิดอะไรขึ้น:
ประเทศไทยจัดงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 43 ตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม – 4 เมษายน 2565 โดยสรุปประเด็นสำคัญดังนี้
- ตัวเลขยอดจองบ่งชี้ถึงความต้องการซื้อรถยนต์ในประเทศที่แข็งแกร่ง โดยยอดจองรถในงานนี้มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 33,936 คัน แบ่งเป็นรถ 4 ล้อ 31,896 คัน (เพิ่มขึ้น 14% จากงานมอเตอร์โชว์ครั้งก่อน) และรถ 2 ล้อ 2,040 คัน ซึ่ง SCBS มองว่าสะท้อนถึงความต้องการซื้อรถยนต์ในประเทศที่แข็งแกร่ง โดยได้แรงหนุนจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่ดีขึ้นและผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นในการใช้จ่ายมากขึ้น
- สัดส่วนยอดจองรถ BEV สูง ตามข้อมูลที่ได้จากผู้จัดงานมอเตอร์โชว์ สำหรับตลาดรถ 4 ล้อ ตัวเลขยอดจองรถยนต์ที่ใช้ไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ 100% (BEV) อยู่ที่ประมาณ 3,000 คัน หรือ 10% ของยอดจองรถทั้งหมด ซึ่งถือว่ามีสัดส่วนสูง เมื่อเทียบกับรถ BEV ประมาณ 600 คัน หรือ 0.4% ของยอดรถจดทะเบียนใหม่ในเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ 2565 ซึ่งสะท้อนถึงกระแสตอบรับที่ดีต่อรถ BEV อันเป็นผลมาจากราคาที่จับต้องได้มากขึ้น
นอกจากนี้ยังพบว่าราคาขายรถ BEV ลดลง 160,000-691,000 บาท หรือ 13-35% หลังจากเข้าร่วมโครงการส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าของรัฐบาล และยังพบรถ BEV แบรนด์ใหม่จากประเทศจีน เช่น Hozon และ Punk ในงานครั้งนี้ โดยวางแผนเปิดตัวเชิงพาณิชย์ในประเทศไทยในปีนี้
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาราคาหุ้นกลุ่มยานยนต์ (SETAUTO) ปรับเพิ่มขึ้น 0.87%MoM โดย
- ราคาหุ้น AH ปรับเพิ่มขึ้น 7.39%MoM สู่ระดับ 24.70 บาท
- ราคาหุ้น PCSGH ปรับเพิ่มขึ้น 1.98%MoM สู่ระดับ 5.15 บาท
- ราคาหุ้น SAT ปรับลดลง 5.58%MoM อยู่ที่ระดับ 20.30 บาท
- ราคาหุ้น STANLY ปรับลดลง 1.67%MoM อยู่ที่ระดับ 177.00 บาท
มุมมองต่อผู้ประกอบการ:
SCBS มองว่าตลาดรถ BEV ที่เติบโตขึ้นนี้จะยังไม่ส่งผลกระทบต่อการผลิตรถยนต์อย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากในระยะแรก รถ BEV ส่วนใหญ่จะถูกนำเข้ามาเพื่อให้กระตุ้นตลาดได้อย่างรวดเร็ว บริษัทหลายแห่งแสดงความสนใจและมีแผนงานที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ซึ่งทำให้มีมุมมองเป็นบวกต่อการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ EV แต่คาดว่าธุรกิจนี้จะยังไม่สร้างกำไรอย่างมีนัยสำคัญในระยะสั้น เนื่องจากประเทศไทยอยู่ในช่วงเริ่มแรกของการเปลี่ยนผ่าน
จึงแนะนำให้นักลงทุนให้ความสำคัญกับการทำได้จริงของแผนต่างๆ ที่ผู้ประกอบการวางไว้ ซึ่งจะสะท้อนถึงความแข็งแกร่งของผู้ประกอบการในธุรกิจที่เกี่ยวกับ Supply Chain ยานยนต์ไฟฟ้าในระยะยาว
สำหรับหุ้นเด่นในกลุ่มยานยนต์ SCBS เลือก AH เนื่องจากกำไรที่จะเติบโตอย่างแข็งแกร่งที่ 28%YoY ในปี 2565 และบริษัทกำลังปรับตัวให้เข้ากับเทรนด์ EV ด้วยการผลิตชิ้นส่วนพลาสติกและชิ้นส่วนหล่อขึ้นรูปโลหะสำหรับ EV ในประเทศไทยและยุโรป แม้ว่าสัดส่วนยอดขายจะยังมีน้อยอยู่ในขณะนี้ แต่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในอนาคต
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
- Twitter: twitter.com/standard_wealth
- Instagram: instagram.com/thestandardwealth
- Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP