ผู้ประท้วงชาวฝรั่งเศสราว 2 แสนคนจากสหภาพแรงงานภาครัฐ 7 กลุ่ม นัดผละงานประท้วงและเดินขบวนตามสถานที่สำคัญในหลายเมืองทั่วประเทศ เพื่อต่อต้านนโยบายปฏิรูประบบแรงงานของประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ส่งผลให้มีการระงับเที่ยวบินและบริการรถไฟความเร็วสูงหลายร้อยเที่ยว
กลุ่ม CGT ซึ่งเป็นกลุ่มสหภาพแรงงานภาครัฐที่ใหญ่ที่สุดของฝรั่งเศสประมาณการว่า จำนวนผู้ประท้วงทั่วประเทศเมื่อวานนี้อาจมีมากถึง 5 แสนคน โดยส่วนใหญ่มาจากกลุ่มสหภาพพนักงานรัฐในระบบขนส่งทางราง และสหภาพพนักงานหอควบคุมจราจรทางอากาศ นอกจากนี้ยังมีสหภาพเจ้าพนักงานศาล ครู และนักเรียนนักศึกษามาร่วมประท้วงด้วย โดยพวกเขาไม่พอใจแผนปฏิรูปภาคแรงงานของมาครงที่ต้องการลดจำนวนพนักงานรัฐราว 120,000 ตำแหน่งภายในปี 2022 เพื่อลดรายจ่ายของรัฐบาล
ที่กรุงปารีสมีผู้ประท้วงชุมนุมกันประมาณ 49,000 คน โดยมีรายงานการปะทะกันระหว่างตำรวจปราบจลาจลฝรั่งเศสกับนักศึกษา โดยตำรวจได้ใช้แก๊สน้ำตาและฉีดน้ำสลายการชุมนุม ขณะที่ผู้ประท้วงบางคนได้จุดไฟเผารถยนต์ รวมถึงทุบกระจกร้านค้า ส่งผลให้สถานการณ์ทวีความรุนแรงขึ้น
การผละงานประท้วงทั่วประเทศครั้งนี้ยังส่งผลกระทบต่อระบบคมนาคมขนส่งทั้งทางอากาศและทางราง โดยท่าอากาศยานปารีส-ชาร์ล เดอ โกล และออร์ลีในกรุงปารีส มีการระงับเที่ยวบินมากถึง 40% ขณะที่องค์การการบินพลเรือนของฝรั่งเศสระบุว่า สายการบิน Air France ได้ประกาศยกเลิกเที่ยวบินระยะกลาง 25% และเที่ยวบินระยะสั้น 40% เมื่อวานนี้
สำหรับระบบรถไฟความเร็วสูง หรือ TGV ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน โดยมีการระงับบริการรถไฟหัวกระสุนมากกว่าครึ่งหนึ่งของตาราง รวมถึงสาย Eurostar ที่วิ่งระหว่างปารีสถึงกรุงลอนดอนของอังกฤษด้วย
นอกจากระบบคมนาคมที่เป็นอัมพาตแล้ว ยังมีการปิดการเรียนการสอนในโรงเรียนหลายแห่ง รวมถึงปิดห้องสมุด ศูนย์บริการสาธารณสุข และบริการสาธารณะอื่นๆ ด้วย
บาปติส โกแลง นักศึกษาวิศวกรรมศาสตร์ ซึ่งร่วมเดินขบวนประท้วงครั้งนี้ให้สัมภาษณ์กับ AFP ว่า “รัฐบาลของมาครงกำลังทำลายระบบงานบริการของภาครัฐ ดูเหมือนพวกเขาจะคิดว่าในประเทศฝรั่งเศส ภาคเอกชนจะสามารถทำได้ทุกอย่าง และไม่จำเป็นต้องใช้พนักงานรัฐแบบเราอีก แต่จริงๆ แล้วฝรั่งเศสต้องการเรา ถ้าพวกเราไม่มาที่นี่ ประเทศของเราต้องแย่แน่”
อ้างอิง: