เกิดอะไรขึ้น:
สัปดาห์นี้หุ้นกลุ่มธนาคารได้ประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/63 โดยภาพรวมกำไรสุทธิไตรมาส 2/63 ของหุ้นกลุ่มธนาคารหดตัวอย่างรุนแรงทั้ง YoY และ QoQ โดยส่วนใหญ่เกิดจากต้นทุน Credit Cost ที่เพิ่มขึ้น จากค่าใช้จ่ายการตั้งสำรองที่สูงขึ้นเพื่อสะท้อนผลกระทบจากโควิด-19 ด้านส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยลดลงจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย รวมถึงมาตรการลดเพดานดอกเบี้ยจากธนาคารแห่งประเทศไทย รวมถึงรายได้ Non-NII ที่หดตัวลง
กระทบอย่างไร:
นับตั้งแต่วันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคม 2563 จนถึงวันนี้ (22 กรกฎาคม) ราคาหุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวลง ราว 2.52%
- ราคาหุ้น บมจ.ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) เพิ่มขึ้น 3.24% สู่ระดับ 22.30 บาท
- ราคาหุ้น บมจ.ธนาคารทหารไทย (TMB) ไม่เปลี่ยนแปลงอยู่ที่ระดับ 1.02 บาท
- ราคาหุ้น บมจ.ธนาคารเกียรตินาคิน (KKP) ลดลง 1.22% สู่ระดับ 40.50 บาท
- ราคาหุ้น บมจ.ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ลดลง 2.36% สู่ระดับ 72.50 บาท
- ราคาหุ้น บมจ.ธนาคารกรุงไทย (KTB) ลดลง 2.86% สู่ระดับ 10.20 บาท
- ราคาหุ้น บมจ.ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป (TISCO) ลดลง 3.55% สู่ระดับ 68.00 บาท
- ราคาหุ้น บมจ.ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ลดลง 4.43% สู่ระดับ 86.25 บาท
- ราคาหุ้น บมจ.ธนาคารกรุงเทพ (BBL) ลดลง 6.39% สู่ระดับ 102.50 บาท
สรุปผลประกอบการไตรมาส 2/63 หุ้นกลุ่มธนาคาร:
แม้ภาพรวมกำไรสุทธิไตรมาส 2/63 จะหดตัวลง แต่ก็มีหุ้นบางตัวที่ราคาหุ้นปรับขึ้นสวนทางกับทิศทางผลประกอบการ ซึ่งเกิดจากการรายงานผลประกอบการที่ดีหรือแย่กว่าตลาดคาดการณ์ไว้ ตลอดจนแนวโน้มผลประกอบการของแต่ละธนาคารในอนาคต โดย SCBS ได้สรุปกลุ่มหุ้นที่ดีกว่าและแย่กว่าคาดดังนี้
กลุ่มที่ดีกว่าคาด
BAY รายงานกกำไรสุทธิไตรมาส 2/63 ที่ 6.5 พันล้านบาท ลดลง 7% YoY และลดลง 7% QoQ แต่สูงกว่าตลาดคาดที่ 5.6 พันล้านบาท โดยกำไรสุทธิที่ดีกว่าคาดเกิดจากค่าใช้จ่ายด้านการตั้งสำรองที่ต่ำกว่าคาด ขณะที่กำไรสุทธิที่ลดลงเกิดจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง และรายได้ค่าธรรมเนียมและกำไรจากเงินลงทุนลดลง
SCB รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2/63 ที่ 8.3 พันล้านบาท ลดลง 24% YoY และลดลง 10% QoQ ดีกว่าตลาดคาดไว้ที่ 7.7 พันล้านบาท โดยกำไรสุทธิที่ลดลงเกิดจากค่าใช้จ่ายการตั้งสำรองที่สูงขึ้น และส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง
กลุ่มที่แย่กว่าคาด
BBL รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2/63 ที่ 3.1 พันล้านบาท ลดลง 67% YoY และลดลง 60% QoQ ดีกว่าตลาดคาดไว้ที่ระดับ 7.5 พันล้านบาท โดยกำไรสุทธิที่ลดลงเกิดจากค่าใช้จ่ายการตั้งสำรองเพิ่มขึ้น ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง รวมถึงการรวมงบการเงินของ Permata เข้ามา ทำให้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มขึ้น
KBANK รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2/63 ที่ 2.175 พันล้านบาท ลดลง 78% YoY และลดลง 67% QoQ แย่กว่าตลาดคาดไว้ที่ 6.7 พันล้านบาท โดยกำไรสุทธิลดลงเกิดจากค่าใช้จ่ายการตั้งสำรองสูงขึ้นอย่างมาก รวมถึงส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยลดลง
KKP รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2/63 ที่ 1.18 ล้านบาท ลดลง 19% YoY และลดลง 20% QoQ แย่กว่าตลาดคาดเล็กน้อยที่ 1.2 พันล้านบาท โดยกำไรสุทธิลดลงเกิดจากค่าใช้จ่ายการตั้งสำรองเพิ่มขึ้น ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยลดลง และรายได้ค่าธรรมเนียมลดลง
KTB รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2/63 ที่ 3.8 พันล้านบาท ลดลง 53% YoY และลดลง 41% QoQ แย่กว่าตลาดคาดที่ 4.6 พันล้านบาท โดยกำไรสุทธิลดลงเกิดจากค่าใช้จ่ายการตั้งสำรองรองเพิ่มขึ้น ขณะที่ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยค่อนข้างทรงตัว QoQ
TISCO รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2/63 ที่ 1.33 พันล้านบาท ลดลง 26% YoY และลดลง 10% QoQ แย่กว่าตลาดคาดเล็กน้อยที่ 1.4 พันล้านบาท โดยกำไรสุทธิลดลงเกิดจากค่าใช้จ่ายการตั้งสำรองสูงขึ้น สินเชื่อหดตัวลง และรายได้ค่าธรรมเนียมลดลง
TMB รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2/63 ที่ 3.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 61% YoY และลดลง 26% QoQ ใกล้เคียงกับตลาดคาด 3.2 พันล้านบาท โดยกำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้น YoY เกิดจากผลของการควบรวมกิจการกับ TMB เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2562 แต่ลดลง QoQ ซึ่งเกิดจากค่าใช้จ่ายการตั้งสำรองเพิ่มขึ้น สินเชื่อหดตัวลง ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยลดลง และรายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิลดลง
เช็กคุณภาพสินทรัพย์ไตรมาส 2/63 หุ้นกลุ่มธนาคาร:
อัตราส่วนหนี้สินต่อหนี้สินรวม (NPL/Total Loan) สะท้อนคุณภาพสินเชื่อของธนาคาร
BAY 2.59% เพิ่มขึ้นจาก 2.51% ในไตรมาส 1/63
TMB 2.81 ลดลงจาก 3.15 ในไตรมาส 1/63
TISCO 3.28% เพิ่มขึ้นจาก 2.56% ในไตรมาส 1/63
KKP 3.36 ลดลงจาก 3.65 ในไตรมาส 1/63
SCB 3.71 ลดลงจาก 3.99 ในไตรมาส 1/63
KBANK 4.44% ลดลงจาก 4.46% ในไตรมาส 1/63
BBL 4.61% เพิ่มขึ้นจาก 4.03% ในไตรมาส 1/63
KTB 5.03% ลดลงจาก 5.27% ในไตรมาส 1/63
อัตราส่วนการตั้งสำรองต่อหนี้เสีย (LLR/NPL) 2Q63 สะท้อนความเพียงพอด้านการตั้งสำรองต่อหนี้เสีย
- BBL 170.49% ลดลงจาก 194.81% ในไตรมาส 1/63
- TISCO 155.01% ลดลงจาก 189.79% ในไตรมาส 1/63
- BAY 149.01% ลดลงจาก 151.43% ในไตรมาส 1/63
- SCB 147% เพิ่มขึ้นจาก 139.61% ในไตรมาส 1/63
- KBANK 140.94% เพิ่มขึ้นจาก 129.58% ในไตรมาส 1/63
- KKP 128.54% เพิ่มขึ้นจาก 112.54% ในไตรมาส 1/63
- KTB 124.15% ลดลงจาก 126.50% ในไตรมาส 1/63
- TMB 114.35% เพิ่มขึ้นจาก 105.73% ในไตรมาส 1/63
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์