ผู้ใช้ LINE ในประเทศไทยคือ 41 ล้านคน ซึ่งนับเป็น 95% ของคนที่ใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทย

 

 

จากตัวเลขข้างต้นก็นับว่าในแอปพลิเคชัน ‘LINE’ มีฐานลูกค้าคนที่พร้อมจะซื้อสติกเกอร์ไม่น้อยเลยทีเดียว ซึ่งหลังจากที่ LINE เปิดให้คนทั่วไปให้ออกแบบสติกเกอร์ของตัวเองขึ้นมาขายบน Stickers Store ก็ได้รับเสียงตอบรับดีมาก เกิดเป็นจำนวนคนซื้อและคนขายที่มากขึ้น

 

 

และไม่นานมานี้ LINE ก็เปิดตัวแอปพลิเคชันใหม่ที่สนับสนุนให้คนมีสติกเกอร์เป็นของตัวเองด้วยวิธีที่ง่ายขึ้นหลายเท่าตัว นั่นคือ LINE Creators Studio ที่ยิ่งตอกย้ำว่า LINE ผลักดันและสนับสนุนคนทำสติกเกอร์มากขนาดไหน

 

โชคดีที่เราได้มีโอกาสเข้าไปร่วมฟังบรรยายเก็บบรรยากาศพิเศษที่ LINE Office กับเหล่าครีเอเตอร์ไทยผู้ชนะการประกวดสติกเกอร์ปี 3 ทั้ง 10 ท่าน

 

งานนี้ LINE จัดงานอย่างอบอุ่นและน่ารัก โดยเชื้อเชิญเหล่าครีเอเตอร์ชื่อดังในญี่ปุ่นมาร่วมแลกเปลี่ยนแนวความคิดเรื่องการทำสติกเกอร์ LINE หลายท่าน ครีเอเตอร์ญี่ปุ่นแต่ละคนก็มีผลงานจี๊ดโดนใจความไทยไม่น้อย อย่างสติกเกอร์คุณลุงหัวโล้นที่ชาวไทยหลายคนชื่นชอบ

 

 

เรามีโอกาสเข้าไปคุยกับ นาโอโทโมะ วาตานาเบะ (Naotomo Watanabe) Sticker Planning Team LINE Corp. และ กณพ ศุภมานพ หัวหน้ากลุ่มธุรกิจ B2C LINE Thailand เกี่ยวกับการผลักดันและส่งเสริมอาชีพใหม่นักสร้างสติกเกอร์ หรือที่เรียกว่า ‘ครีเอเตอร์’ อาชีพที่กลายเป็นงานประจำ สร้างงานและเงินให้เป็นกอบเป็นกำ โดยไม่ต้องลงทุนอะไรเกินตัว ใช้เพียงความคิดสร้างสรรค์และลองลงมือทำสักตั้ง

ใครจะไปรู้ว่าคาแรกเตอร์สติกเกอร์ของคุณอาจจะกลายเป็นคาเฟ่ ร้านขนม หรือผลิตภัณฑ์ขายทั่วโลกก็ได้

 

 

 

ตัวอย่างสติกเกอร์ที่เป็นผู้ชนะใน LINE Creators Market Sticker Contest ปีที่ 3

 

ทำไมถึงคิดว่าครีเอเตอร์จะกลายเป็นอาชีพในอนาคตได้

นาโอโทโมะ: ผมก็ไม่ได้คิดว่ากิจการของ LINE จะเติบโตมาใหญ่ถึงขนาดนี้ สำหรับเหตุผลที่มาสร้าง LINE Creators Market ก็เพราะว่า มีผู้ใช้คนหนึ่งคอมเมนต์บอกเราว่าเขาอยากจะทำสติกเกอร์สำหรับงานแต่งงานของเขาโดยเฉพาะ เราก็เลยได้ไอเดียเรื่องการสร้าง LINE Creators Market ขึ้นมา ซึ่งมันก็เป็นช่วงที่ LINE แข็งแกร่งมากขึ้นในตลาดสติกเกอร์ แล้วก็ทำให้เกิดคาแรกเตอร์เยอะมากขึ้น

 

 

เทรนด์ของสติกเกอร์ในอนาคตของไทยและญี่ปุ่นจะเป็นไปในทิศทางไหน

กณพ: ตอนนี้เทรนด์ที่เห็นว่ามันเติบโตขึ้นและได้รับความนิยมมากขึ้นคือสติกเกอร์ที่มีการระบุชื่อ หรือเรียกว่า Name’s Sticker คือเป็นการดีไซน์คาแรกเตอร์ขึ้นมาหนึ่งเซต ซึ่งแต่ละเซตก็จะเปลี่ยนเป็นชื่อต่างๆ เช่น แนนโกรธแล้ว หรือ ปุ้มไม่ชอบ ดังนั้นในหนึ่งเซตที่จะมี 24 ตัวนั้น ก็จะเปลี่ยนเป็นชื่อเดียวทั้งเซตเลย ก็จะขายคนชื่อแนน ขายคนชื่อปุ้ม ซึ่งเป็นสิ่งที่เรามองเห็นในญี่ปุ่น และในเมืองไทยก็เริ่มมีคนทำแล้ว แล้วก็เร่ิมได้รับความนิยมมากขึ้น เพราะถ้ามองในมุมครีเอเตอร์ มันเป็นการดีไซน์แค่หนึ่งคาแรกเตอร์แต่สามารถเปลี่ยนแค่คำเท่านั้นเอง

 

 

อันนี้เป็นเหตุผลที่เกิด LINE Creators Studio ขึ้นด้วยหรือเปล่า

กณพ: กลับไปที่วัตถุประสงค์ที่ LINE Stickers ประเทศไทยนั้น เราพยายามโปรโมตเรื่อง LINE Creators Market มากขึ้น เพราะย้อนกลับไปที่เป้าหมายหลักของ LINE คือเราพยายามสร้างแพลตฟอร์มที่ตอบโจทย์สำหรับทุกคน สิ่งหนึ่งที่เราทำมาตลอดคือพวก Official Account หรือกลุ่มที่เป็น SME แล้วก็เลยมองมาถึงบุคคลทั่วไปว่า เราจะส่งเสริมเขาได้อย่างไรบ้าง ก็เลยนึกว่าอะไรจะเป็นอาชีพของเขาได้

 

 

เราอยากให้ LINE เป็นแพลตฟอร์มที่สามารถสร้างอาชีพให้เกิดขึ้นจริงได้ในประเทศไทย โดยครีเอเตอร์เป็นอาชีพจริงๆ แล้วอยู่ได้ เป็นอาชีพที่ใครก็สามารถเป็นได้ คุณอยากจะมีสินค้าขายทั่วโลกหรือในไทยเอง ที่มีผลตัวเลขว่ามีผู้ใช้งาน 95% ของคนใช้งานอินเทอร์เน็ตในเมืองไทย ก็คือราวๆ 41 ล้านคน มันมีสินค้าอะไรที่เป็นตลาดใหญ่ขนาดนี้โดยที่คนทำไม่ต้องลงทุนอะไรเลย ไม่ต้องไปแข่งกับตลาดต่างประเทศ เพราะคนรุ่นใหม่ก็อยากมีอาชีพอิสระ ไม่อยากเป็นพนักงาน ไม่อยากเป็นลูกจ้าง คำตอบก็คือการเป็นครีเอเตอร์ แล้วมันไม่ต้องแข่งกับใครด้วยนะ แค่มีความคิดสร้างสรรค์แล้วก็ลงมือทำให้มันเป็นรูปเป็นร่าง ประกอบกับทางญี่ปุ่นก็มีโจทย์เดียวกันคือ ทำอย่างไรให้ทุกคนเป็นครีเอเตอร์ได้ ดังนั้นก็เลยเปิดตัว LINE Creators Studio เพื่อให้ใครก็สามารถทำสติกเกอร์ขายได้จริงๆ ดังนั้นภาพใหญ่ทั้งหมดคือ LINE เองต้องการส่งเสริมด้านอาชีพให้คนไทยที่ใช้เทคโนโลยีมากขึ้นสามารถใช้ประโยชน์จากมันเพื่อสร้างรายได้ให้กับตัวเองได้

ตอนนี้รายได้จากสติกเกอร์คิดเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ของรายได้ทั้งหมดของ LINE
นาโอโทโมะ: โดยประมาณคือ 25-26% ที่ได้จากสติกเกอร์ และ 10 อันดับของสติกเกอร์ที่ขายดีที่สุดก็มีรายได้รวม 530,000,000 เยน

 

มีสัญญาณของการที่คนจะซื้อสติกเกอร์น้อยลงไหม แล้ว LINE จะรับมือกับสถานการณ์นี้อย่างไร
นาโอโทโมะ: จริงๆ แล้วเราก็มีความกังวลในเรื่องนี้อยู่ เพราะมันมีผู้ขายสติกเกอร์มากขึ้น แล้วก็อาจจะเบื่อกับสติกเกอร์ใหม่ๆ แต่เราก็พยายามสร้างฟีเจอร์ใหม่ๆ เพื่อนำเสนอสติกเกอร์ให้คนอยากได้ เช่น เมื่อพิมพ์คำแล้วจะมี Recommended Sticker ขึ้นมาเพื่อให้อยากได้ อยากซื้อสติกเกอร์ใหม่ๆ ที่เขายังไม่มีให้มากขึ้น

กณพ: อย่างในประเทศไทย เมื่อดูเทรนด์จากการใช้งานหรือซื้อสติกเกอร์ในเมืองไทยแล้ว เรายังไม่ต้องกังวลในเรื่องนั้น เพราะคนไทยจะชอบคอนเทนต์ใหม่ๆ ในปีที่ผ่านมาเคยเราออกฟีเจอร์ใหม่มากมาย เช่น มิวสิกสติกเกอร์ ซึ่งก็ขายดีมาก คือทุกครั้งที่มีฟีเจอร์ใหม่ๆ ยอดขายก็จะพุ่งอย่างเห็นได้ชัด มันจึงเป็นโจทย์ที่เราก็ต้องคิดฟีเจอร์ใหม่ๆ ของสติกเกอร์ด้วย แล้วในไทยเอง คนไทยก็เริ่มคุ้นเคยกับการซื้อสินค้าผ่านอินเทอร์เน็ตแล้ว ซึ่งก็มีคนจำนวนมากเลยที่ยังไม่เคยซื้อสินค้าผ่านอินเทอร์เน็ต จึงเกิดผู้ซื้อใหม่จำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ

 

นอกจาก LINE Sticker Studio แล้ว ยังมีการสนับสนุนเหล่าครีเอเตอร์อย่างไรอีกบ้าง

กณพ: เราอยากส่งเสริมให้สติกเกอร์ครีเอเตอร์กลายเป็นเป็นอาชีพแล้วก็เลี้ยงตัวเองได้จริงๆ คือ สิ่งที่เราทำก็จะช่วยส่งเสริมต่อยอดให้คาแรกเตอร์เหล่านั้นเติบโตขึ้น เพราะสิ่งที่เหล่าครีเอเตอร์สร้างมันไม่ได้จบแค่ในมือถืออย่างเดียว วันนี้เราเปิดตัว LINE Creators Giftshop ในแอปพลิเคชันด้วย ส่งเสริมให้ครีเอเตอร์นำคาแรกเตอร์ต่างๆ มาทำเป็นสินค้า แล้วก็เปิดช่องทางการจำหน่ายไว้ให้โดยที่ไม่เก็บค่าใช้จ่ายอะไรเพิ่มเติมเลย ซึ่งทุกวันนี้ครีเอเตอร์ชาวไทยที่ทำยอดขายสูงสุดในแต่ละเดือน เราจะมีรางวัลให้เป็นเงินมูลค่า 50,000 บาท เป็นมูลค่าที่จะสนับสนุนให้ครีเอเตอร์เอาคาแรกเตอร์ตัวเองไปผลิตเป็นสินค้าออกมาขายจริง มันก็ทำให้เหล่าครีเอเตอร์มองเห็นช่องทางว่าเขาสามารถสร้างงานสร้างเงินอย่างไรได้บ้าง เขาจะเริ่มเรียนรู้ว่าหลังจากนั้นคุณก็สามารถเติบโตไปในเส้นทางนี้ได้อย่างไรบ้าง

กณพ: ตอนเปิดตัว LINE Creators Studio ก็ได้รับผลตอบรับที่ดีมากจากคนไทย จากครีเอเตอร์ที่ลงทะเบียนไว้มีประมาณ 120,000 ราย ผ่านไป 3 เดือนมีครีเอเตอร์ที่มาลงทะเบียนเพิ่มเป็น 230,000 รายแล้ว