Stellerus Technology สตาร์ทอัพจากมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีฮ่องกง (HKUST) กำลังตั้งเป้าหมายที่จะเป็นผู้ให้บริการข้อมูลลม 3 มิติผ่านดาวเทียมรายแรกของโลก เพื่อช่วยเพิ่มรายได้, ลดต้นทุน และบริหารความเสี่ยงให้กับอุตสาหกรรมพลังงานลม, การขนส่ง และการประกันภัย
บริษัทซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2023 โดยกลุ่มนักวิชาการจาก HKUST จะใช้ประโยชน์จากความได้เปรียบด้านต้นทุนการผลิตดาวเทียมของจีน เพื่อทำให้การเก็บรวบรวม ‘ข้อมูลลม 3 มิติ’ ทั่วโลก ซึ่งสามารถทำได้จริงในเชิงพาณิชย์เป็นครั้งแรก ซูฮุย (Su Hui) ประธานและผู้ร่วมก่อตั้งกล่าว
ข้อมูลลม 3 มิติ ซึ่งหมายถึงทิศทาง, ความเร็ว และการเปลี่ยนแปลงของลมตามระดับความสูง ถือเป็นข้อมูลที่มีความสำคัญอย่างยิ่งยวดต่อการพยากรณ์อากาศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเหตุการณ์สภาพอากาศรุนแรง แต่การเก็บข้อมูลดังกล่าวยังคงมีข้อจำกัดอย่างมากในปัจจุบัน
“หลังจากที่มาฮ่องกง ฉันตระหนักว่าเทคโนโลยีสำหรับโครงการลักษณะนี้ในจีนแผ่นดินใหญ่นั้นค่อนข้างก้าวหน้าไปมาก และต้นทุนก็จะต่ำกว่าในต่างประเทศอย่างมาก” ซูกล่าว “ในสหรัฐฯ ดาวเทียมลักษณะนี้อาจมีค่าใช้จ่ายในการสร้างสูงถึง 100 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 3.26 พันล้านบาท) เทียบกับเพียง 20 ล้านหยวน (ประมาณ 91.8 ล้านบาท) ในจีน”
ซู ซึ่งเป็น ผู้เชี่ยวชาญด้านอุตุนิยมวิทยาและเคยดำรงตำแหน่งนักวิทยาศาสตร์หลักและผู้จัดการโครงการด้านสภาพอากาศที่ห้องปฏิบัติการ Jet Propulsion Laboratory (JPL) ของ NASA ได้ย้ายมาร่วมงานกับภาควิชาวิศวกรรมโยธาและสิ่งแวดล้อมของ HKUST ในตำแหน่งศาสตราจารย์อาวุโส (Chair Professor) เมื่อปี 2022 เธอกล่าวว่า Stellerus จะใช้เซ็นเซอร์ไฮเปอร์สเปกตรัม (Hyperspectral sensors) ซึ่งเป็นเซ็นเซอร์แสงชนิดพิเศษติดตั้งบนดาวเทียม
เทคโนโลยีดังกล่าวจะช่วยให้สามารถเก็บข้อมูลและใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการวิเคราะห์ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์, มีเทน และไอน้ำในชั้นบรรยากาศ เพื่อคำนวณการเปลี่ยนแปลงของทิศทางและความเร็วลมได้อย่างละเอียด “ข้อมูลที่มีรายละเอียดสูงเช่นนี้ยังคงขาดแคลนสำหรับการสังเกตการณ์และวิเคราะห์ทางอุตุนิยมวิทยาทั่วโลก” เธอกล่าว
ซูยังเสริมอีกว่า แม้องค์กรต่างๆ รวมถึง NASA จะมีแผนการสำหรับโครงการลักษณะนี้ แต่ก็ยังไม่มีใครสามารถทำให้เกิดขึ้นจริงได้เนื่องจากต้นทุนที่สูงมากในการส่ง ‘กลุ่มดาวเทียม’ (Satellite constellation) ขึ้นไปโคจร ปัจจุบัน NASA กำลังทดสอบเทคโนโลยีเลเซอร์สำหรับการวัดลม 3 มิติจากอวกาศ
ความร่วมมือระหว่าง HKUST และ Chang Guang Satellite Technology ซึ่งเป็นบริษัทดาวเทียมเชิงพาณิชย์แห่งแรกของจีน ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลมณฑลจี๋หลิน ถือเป็นกุญแจสำคัญ โดย Stellerus ได้จ่ายค่าลิขสิทธิ์ให้กับมหาวิทยาลัยเพื่อเข้าถึงข้อมูลดาวเทียมและอัลกอริทึม ซึ่งได้มาจาก ภาพถ่ายดาวเทียมความละเอียดสูง (ความละเอียดจุดภาพ 0.5 เมตร)
เดวิด หลิว (David Liu) ซีอีโอของ Stellerus กล่าวว่าบริษัทซึ่งตั้งอยู่ใน Hong Kong Science and Technology Park ได้ระดมทุนไปแล้วหลายสิบล้านดอลลาร์ และตั้งเป้าที่จะส่งดาวเทียมคู่แรกขึ้นสู่วงโคจรภายใน 18 เดือนข้างหน้า ตามมาด้วยอีก 5 ดวงในลำดับถัดไป
ดาวเทียมเหล่านี้จะประกอบกันเป็นกลุ่มดาวเทียม ซึ่งจะเพียงพอต่อการครอบคลุมข้อมูลลมทั่วโลก โดย Stellerus ตั้งเป้าที่จะนำข้อมูลนี้ไปจำหน่ายให้กับผู้พัฒนาแอปพลิเคชันสำหรับอุตสาหกรรมการบิน, การขนส่งทางทะเล และการประกันภัย
“แอปพลิเคชันเหล่านี้รวมถึงการปรับเส้นทางการบินให้เหมาะสมเพื่อประหยัดเชื้อเพลิงและหลีกเลี่ยงสภาพอากาศแปรปรวน, การวางแผนเส้นทางการเดินเรือเพื่อประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิง รวมถึงการบริหารความเสี่ยงด้านสภาพอากาศและการ ประเมินเบี้ยประกันภัย โดยบริษัทประกันวินาศภัย” หลิวกล่าว
เขายังเปิดเผยอีกว่า Stellerus กำลังอยู่ระหว่างการเจรจาขั้นสูงกับผู้พัฒนาฟาร์มกังหันลมและผู้ให้บริการโครงข่ายไฟฟ้าของรัฐ ซึ่งสนใจที่จะนำข้อมูลลม 3 มิติไปใช้งานโดยมีค่าธรรมเนียม
จีนเป็นประเทศที่มีฟาร์มกังหันลมขนาดใหญ่ที่สุดในโลก จากบทความของ South China Morning Post เมื่อเดือนมกราคม 2024 ได้ระบุไว้ว่า กำลังการผลิตติดตั้งของฟาร์มกังหันลมและโซลาร์ฟาร์มในจีนทะลุ 1,000 กิกะวัตต์ (GW) ไปแล้ว เพิ่มขึ้นถึง 1 ใน 3 จากปีก่อนหน้า และคิดเป็น 15% ของการผลิตไฟฟ้าทั้งหมดของประเทศ
บทความยังคาดการณ์อีกว่า จีนจะมีสัดส่วนเกือบ 60% ของกำลังการผลิตพลังงานหมุนเวียนใหม่ทั่วโลกในช่วง 5 ปีข้างหน้าจนถึงปี 2028 และกำลังจะบรรลุเป้าหมายการมีกำลังการผลิตติดตั้งจากลมและแสงอาทิตย์ที่ 1,200 GW ได้ภายในปี 2024 ซึ่งเร็วกว่าเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ในปี 2030 ถึง 6 ปี
เจฟฟรีย์ สวีหมิงหยวน (Jeffrey Xu Mingyuan) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีของ Stellerus กล่าวว่า ข้อมูลจาก Stellerus จะช่วยให้ผู้ประกอบการฟาร์มกังหันลมสามารถเพิ่มยอดขายไฟฟ้าและประหยัดค่าใช้จ่ายหลายสิบล้านหยวนในการสร้าง หอตรวจวัดลม ได้
“ปัจจุบัน การได้มาซึ่งข้อมูลลมที่แม่นยำนั้นมีต้นทุนที่สูงมาก โดยเฉพาะสำหรับผู้ประกอบการนอกชายฝั่ง” เขากล่าว “เราตั้งเป้าที่จะแก้ ‘คอขวดทางเทคโนโลยี’ นี้ ด้วยการนำเสนอข้อมูลที่มีคุณภาพดีกว่าและราคาเข้าถึงได้ง่ายกว่า ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการเลือกที่ตั้งฟาร์มกังหันลม, การวางแผนระบบกักเก็บพลังงาน, การซื้อขายไฟฟ้า และการเชื่อมต่อเข้ากับโครงข่ายไฟฟ้า”
หมายเหตุ : ใช้อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐ เท่ากับ 32.61 บาท และ 1 หยวนเท่ากับ 4.59 บาท ณ วันที่ 28 ตุลาคม 2568
ภาพ : Black_Kira / Shutterstock
อ้างอิง:


