เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ เราได้เห็นว่าราคา Bitcoin หรือ BTC ได้ร่วงลงมาต่ำกว่า 4 หมื่นดอลลาร์ต่อ BTC พร้อมกับข่าวยูทูเบอร์เกาหลีพอร์ตแตก สูญเงินไปกว่า 5 แสนดอลลาร์ โดยปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อราคาในครั้งนี้คาดว่าจะเป็นผลจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond Yield) สหรัฐฯ ที่พุ่งสูงแตะ 2.8% และความกดดันจากแนวโน้มที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อรับมือกับปัญหาเงินเฟ้อ ซึ่งส่งผลกระทบให้ราคาของ Bitcoin และสินทรัพย์เสี่ยงอื่นๆ ปรับตัวลง ทำให้นักลงทุนหลายคนเลือกที่จะกระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์อื่นที่เป็น Safe Haven หรือที่หลบภัยอย่างเงินดอลลาร์ สังเกตได้จากการแข็งค่าขึ้นของดอลลาร์และทองคำที่ราคาก็ขยับเพิ่มสูงขึ้น
แล้วในตลาดคริปโตเองจะมีเหรียญตัวไหนที่พอจะเป็น Safe Haven ให้กับผู้ที่ลงทุนในตลาดคริปโตได้บ้าง?
พอเห็นคำถามนี้ ผมคิดว่าทุกคนน่าจะมีคำตอบในใจเหมือนกัน นั่นคือ ‘Stablecoin’ ซึ่งในตลาดก็มีให้เราเลือกหลากหลายเหรียญ แม้ว่าราคาเหรียญจะค่อนข้างคงที่ แต่ตัวเหรียญเองก็มีการหลักการดีไซน์ที่ไม่เหมือนกัน มันจะสามารถเป็น Safe Haven สำหรับตลาดคริปโตได้จริงๆ หรือเปล่า? วันนี้ผมจึงอยากนำงานวิจัยบางงานที่เกี่ยวข้องมาเล่าให้ฟัง
ทำความรู้จักกับ Stablecoin
Stablecoin เป็นเหรียญคริปโตประเภทหนึ่งที่มีการตรึงมูลค่าไว้กับสินทรัพย์อื่นเพื่อรักษามูลค่าให้คงที่ โดย Stablecoin นั้นมักถูกใช้งานใช้แพลตฟอร์ม DeFi และด้วยความที่ Stablecoin เป็นเหรียญที่มีการเปลี่ยนแปลงด้านราคาค่อนข้างน้อย จึงอาจมีคุณสมบัติในการเป็น Store of Value เหรียญประเภทนี้มักถูกใช้เป็น Safe Haven ช่วงที่ตลาดคริปโตมีความผันผวน แต่ดังที่กล่าวไปข้างต้น Stablecoin มีรูปแบบการตรึงมูลค่าที่หลากหลาย ทั้งการนำสินทรัพย์อื่นที่มีความผันผวน เช่น สกุลเงิน, ทองคำ, Bitcoin หรือ Ethereum มาค้ำไว้ หรือใช้อัลกอริทึมในการรักษามูลค่า จึงเกิดการตั้งคำถามจากนักวิจัยในเรื่องความ ‘Stable’ และความสามารถในการเป็น Safe Haven ครับ
งานวิจัยแรก ผู้วิจัยได้นำข้อมูลราคา Stablecoin 6 เหรียญที่มี Market Cap ใหญ่ที่สุดในช่วงปลายปี 2018 ถึงกลางปี 2019 ซึ่งได้แก่ Tether (USDT), USD Coin (USDC), TrueUSD (TUSD), Paxos Standard Token (PAX), Dai (DAI) และ Gemini Dollar (GUSD) และข้อมูลราคา Bitcoin (BTC) จาก Bitfinex มาสร้างแบบจำลองทางเศรษฐมิติ เพื่อหาค่าความสัมพันธ์ระหว่างผลตอบแทนจาก Stablecoin และ Bitcoin ในช่วงตลาดที่ราคาของ Bitcoin มีความผันผวนต่ำและผันผวนสูง โดย Stablecoin เหรียญไหนที่มีค่าความสัมพันธ์เป็นบวกกับผลตอบแทนของ Bitcoin ช่วงที่ร่วงหนักๆ จะถือว่าเป็น Strong Safe Haven แต่ไม่มีความ Stable (เมื่อเทียบกับ Bitcoin) แต่เหรียญไหนมีค่าความสัมพันธ์เข้าใกล้ศูนย์ถือว่าเป็น Weak Safe Haven ซึ่งในงานวิจัยนี้พบว่า Stablecoin อาจไม่ Stable ตามชื่อของมัน เพราะเหรียญเองยังมีการตอบสนองบางอย่างกับการเปลี่ยนแปลงของราคา Bitcoin แต่ในงานวิจัยก็ยังมีสรุปไว้ว่า Stablecoin บางเหรียญมีคุณสมบัติเป็น Safe Haven ครับ
ส่วนอีกงานวิจัย ผู้วิจัยได้นำข้อมูลราคา Stablecoin ทั้ง 6 เหรียญเช่นเดียวกันกับงานวิจัยแรก แต่จะใช้ข้อมูลทั้งปี 2019 และใช้ข้อมูลราคาจาก 18 กระดานเทรดมาวิเคราะห์เทียบกับราคาของเหรียญคริปโตอื่นๆ ได้แก่ Bitcoin (BTC), Ethereum (ETH), Ripple (XRP), Bitcoin Cash (BCH) และ Litecoin (LTC) มาวิเคราะห์ความสัมพันธ์ (ด้วยวิธีการที่ต่างกันกับงานวิจัยแรก) โดยงานวิจัยนี้ก็ยังคงสรุปเช่นเดียวกันว่า Stablecoin บางเหรียญมีคุณสมบัติเป็น Safe Haven ได้ครับ
อย่างไรก็ตาม งานวิจัยทั้งสองยังไม่ได้นำข้อมูลปัจจุบันและข้อมูลการดีไซน์ของแต่ละ Stablecoin มาร่วมวิเคราะห์ด้วย ข้อสรุปที่ได้จากงานวิจัยที่ผมนำมาเล่าในครั้งนี้จึงต้องการงานวิจัยใหม่ๆ ช่วยยืนยันอีกที ส่วนใครที่อยากทราบว่าเหรียญ Stablecoin ตัวไหนที่ทั้งสองงานวิจัยนำมาวิเคราะห์และสรุปว่าเป็น Safe Haven ได้ สามารถเข้าไปดูได้ในลิงก์ที่ผมทิ้งไว้ด้านล่างได้เลย
แม้ว่า Stablecoin อาจมีคุณสมบัติ Safe Haven แต่ตัวเหรียญเองก็ยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่นที่ต้องนำมาประกอบการตัดสินใจในการเข้าถือ อย่างความโปร่งใสในการตรึงมูลค่าและความน่าเชื่อถือของผู้ออกเหรียญ จึงขอให้ผู้อ่านใช้ความระมัดระวังในการลงทุนด้วย ทุกการลงทุนมีความเสี่ยงนะครับ
อ้างอิง:
- https://www.sec.or.th/TH/Template3/Articles/2564/0564.pdf
- https://www.longtunman.com/32618
- https://doi.org/10.1016/j.frl.2020.101431
- https://www.econstor.eu/handle/10419/215484
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
- Twitter: twitter.com/standard_wealth
- Instagram: instagram.com/thestandardwealth
- Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP