วันนี้ (24 สิงหาคม) ศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อขอให้มีการไต่สวนผู้บริหารและผู้ที่เกี่ยวข้องของกรมราชทัณฑ์ ว่า มีส่วนช่วยเหลือ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ต้องโทษจำคุก 8 ปีตามคำพิพากษาของศาล หรือไม่ อีกทั้งพบว่า หลังเข้าเรือนจำเพื่อรับโทษยังไม่ถึงวัน แต่ได้รับอนุมัติให้ไปนอนโรงพยาบาลตำรวจแทน โดยระบุว่าเป็นโรคความดันขึ้นสูง
ศรีสุวรรณกล่าวว่า การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่เข้าข่ายทฤษฎีสมรู้ร่วมคิด และเข้าข่ายร่วมกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการหรือไม่ อีกทั้งกรมราชทัณฑ์ยังออกมาแถลงแจ้งรายละเอียดว่า ทักษิณจัดให้อยู่ในกลุ่มเปราะบาง เพราะอายุเกิน 70 ปี และพิจารณาแค่ประวัติทางการรักษาที่ผ่านมาป่วยถึง 4 โรค จึงต้องเฝ้าระวังรักษาอย่างต่อเนื่องโดยแพทย์เฉพาะทาง
ซึ่งมีการระบุว่า สุขภาพป่วยดังกล่าวขัดต่อพฤติกรรมของทักษิณก่อนหน้านี้ที่อยู่ต่างประเทศ โดยโชว์สุขภาพร่างกายแข็งแรง เดินทางไปที่ต่างๆ เป็นว่าเล่น ไม่เห็นแสดงอาการของคนป่วยหรือมีปัญหาสุขภาพแต่อย่างใด แต่พอเข้าไปในรั้วของเรือนจำกลับเป็นชายชราที่ป่วยเป็นโรคหลายโรค
ศรีสุวรรณกล่าวต่อว่า กรณีทรงผมของทักษิณ ทางกรมราชทัณฑ์ระบุว่า ไม่ต้องกล้อนผมเหมือนนักโทษทั่วไปเพราะเป็นผู้ใหญ่และเป็นผู้สูงอายุ ถือได้ว่าเป็นการใช้ดุลพินิจที่ขัดต่อระเบียบกรมราชทัณฑ์ว่าด้วยการตัดผมผู้ต้องขัง พ.ศ. 2565 ที่บังคับใช้มาตั้งแต่วันที่ 24 สิงหาคม 2565 โดยในระเบียบดังกล่าวกำหนดไว้ชัดเจนในข้อ 9 ว่า
“นักโทษเด็ดขาดชายให้ไว้ผมสั้น ด้านหน้าและด้านกลางศีรษะยาวไม่เกิน 5 เซนติเมตร ชายผมรอบศีรษะเกรียนชิดผิวหนัง” และระเบียบดังกล่าวไม่ได้มีข้อกำหนดเป็นข้อยกเว้น
ศรีสุวรรณกล่าวว่า พฤติการณ์และการกระทำของกรมราชทัณฑ์มีข้อพิรุธอีกมากมายที่สังคมไทยไม่ควรปล่อยให้ระบบราชการของรัฐใช้อำนาจหรือดุลพินิจที่อาจขัดต่อระเบียบ กฎหมาย และรัฐธรรมนูญ 2560 ม.27 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา ม.157 อันเกี่ยวกับการห้ามการเลือกปฏิบัติอันเกี่ยวกับสภาพทางกายหรือสุขภาพ สถานะของบุคคล ฐานะทางเศรษฐกิจหรือสังคม
องค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน จึงต้องนำความพร้อมพยานหลักฐานมายื่นร้องต่อ ป.ป.ช. เพื่อขอให้ใช้อำนาจตามกฎหมายในการไต่สวนและวินิจฉัยเอาผิดผู้บริหารของกรมราชทัณฑ์ทั้งหมดที่เกี่ยวข้องต่อไป