วันนี้ (21 กันยายน) ที่กรมศิลปากร วังหน้าพระลาน ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เดินทางมายื่นคำร้องต่ออธิบดีกรมศิลปากรให้ดำเนินการเอาผิด 18 แกนนำกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการเมือง ที่ได้บังอาจฝ่าฝืนกฎหมายโดยการบุกรุกเข้าใช้โบราณสถานสนามหลวงโดยไม่ได้ขออนุญาต และมีการตัดทำลายรั้วและพื้นสนามหลวงเพื่อปักหมุดคณะราษฎร หมุดที่ 2 ซึ่งเป็นทรัพย์สินของทางราชการให้เกิดความเสียหาย
ทั้งนี้ สนามหลวงได้ประกาศขึ้นทะเบียนให้เป็นโบราณสถานสำคัญของชาติ มาตั้งแต่วันที่ 13 ธันวาคม 2520 แล้ว มีชื่อว่า ‘โบราณสถานทุ่งพระเมรุ (สนามหลวง)’ ซึ่งตาม พ.ร.บ. โบราณสถาน โบราณวัตถุศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2535 มาตรา 32 ระบุไว้ว่าผู้ใดบุกรุกโบราณสถาน หรือทําให้เสียหาย ทําลาย ทําให้เสื่อมค่า หรือทําให้ไร้ประโยชน์ซึ่งโบราณสถาน ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 7 แสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ และโทษของการบุกรุกและทำลายโบราณสถานจะหนักขึ้นเป็นจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ถ้าโบราณสถานแห่งนั้นเป็นโบราณสถานที่ได้ขึ้นทะเบียนแล้ว
การตัดทำลายรั้วเพื่อนำมวลชนบุกรุกเข้าไปตั้งเวทีชุมนุมปราศรัย และได้เจาะพื้นสนามหลวงให้เสียหาย โดยทำพิธีฝังหมุดคณะราษฎร หมุดที่ 2 ลงในพื้นที่สนามหลวงที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้แล้ว ของกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการเมือง จึงถือเป็นกรรมหนักที่จะปล่อยให้ลอยนวลต่อไปมิได้
นอกจากนั้น กรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้ออกระเบียบกรุงเทพมหานครว่าด้วยการใช้ บำรุงและการดูแลพื้นที่ท้องสนามหลวง พ.ศ. 2555 เพื่อให้ใช้พื้นที่ท้องสนามหลวงเพื่อการจัดงานได้เพียง 4 ประเภทเท่านั้น คือ งานพระราชพิธี งานรัฐพิธี งานประเพณีสำคัญของชาติโดยหน่วยงานของรัฐ และการจัดการแข่งขันกีฬาไทยประจำปี โดยห้ามการแสดงกิจกรรมหรือข้อความหรือการกระทำด้วยประการใดที่ไม่เหมาะสม ขัดกฎหมาย หรือในลักษณะเป็นการดูหมิ่นชาติ ศาสนา หรือสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยหรือของประเทศอื่น รวมทั้งต้องไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีและประเพณีไทย และการจัดงานต้องไม่มีวัตถุประสงค์ทางการเมืองไม่ว่าด้วยประการใด และไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม
ด้วยเหตุดังกล่าว การที่กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการเมืองนำโดย 18 แกนนำ ได้ฝ่าฝืนกฎหมายหลายบท หลายกรรมดังกล่าว ถือว่ามีความผิดร่วมกันฐานเป็นตัวการและสนับสนุน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 จึงมิอาจปล่อยให้เป็นเยี่ยงอย่างที่ไม่ดีต่อเยาวชนและประชาชนต่อไปได้ สมาคมฯ จึงจำต้องนำความมาร้องเรียนต่ออธิบดีกรมศิลปากร และ ผอ.เขตพระนคร ในฐานะพนักงานเจ้าหน้าที่และผู้เสียหายตามกฎหมาย เพื่อเร่งแจ้งความดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและอาญา เพื่อเอาผิดผู้ที่บังอาจกระทำการฝ่าฝืนกฎหมายทั้ง 18 รายดังกล่าวโดยเร็ว
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์