วันนี้ (10 กรกฎาคม) เศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าการเจรจาลดภาษีทรัมป์ ซึ่งขณะนี้อยู่ที่ 36% เศรษฐา ระบุว่า ตนเชื่อว่าพิชัย ชุณหวชิร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และทีมงานกำลังทำงานอย่างเต็มที่ และยังมีความหวังอยู่ โดยประเทศไทยยังมีปัจจัยบวกหลายอย่าง อาทิ รายละเอียดของจำนวนสินค้าในโหมดต่างๆ ที่ไทยสามารถให้ได้โดยไม่เสียเปรียบมากนัก และยังมีการหารือกับปลัดกระทรวงพาณิชย์ที่ยืนยันว่าจะ “สู้อย่างเต็มที่”
อดีตนายกรัฐมนตรีเน้นย้ำถึงความสำคัญของการทำงานร่วมกันของทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงเกษตรฯ กระทรวงอุตสาหกรรม หรือ BOI เพื่อให้เป็นเสียงเดียวกัน และชี้ประเด็นที่ต้องให้ความกระจ่าง เช่น นอนคาร์ริค (การหลีกเลี่ยงภาษี) และปัญหาขั้นตอนศุลกากร รวมถึงการสวมสิทธิ์ต่างๆ ที่ฝ่ายสหรัฐฯ มองว่ามีปัญหา
หากการเจรจาไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ 20% เศรษฐาเชื่อว่าประเทศไทยจะมีปัญหา เนื่องจากหลายอุตสาหกรรมที่ย้ายฐานการผลิตมายังไทยต่างคาดหวังว่าจะไม่เสียเปรียบเพื่อนบ้าน อย่างไรก็ตาม ไทยยังมีข้อได้เปรียบหลายด้าน เช่น ระบบภาษีที่ชัดเจนกว่า และระบบราชการที่ดูแลนักลงทุนอย่างเป็นธรรม
สำหรับมาตรการช่วยเหลือ SME ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่หากไม่ได้รับการผ่อนปรนภาษี เศรษฐากล่าวว่าเข้าใจว่ามีการศึกษาแนวทางช่วยเหลืออยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อพิเศษดอกเบี้ยต่ำ แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการลดภาษีให้เท่ากับเวียดนามก่อน
เมื่อถามถึงการรับมือของรัฐบาลหากภาษีคงอยู่ที่ 36% เศรษฐาเชื่อว่าทุกคนต้องรวมใจกันและพยายามให้การเจรจาสำเร็จก่อน ส่วนแผนงานรองรับอื่นๆ คงต้องตามมาภายหลัง และหากผลการเจรจาเป็นบวกก็จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนได้ แต่หากไม่สำเร็จก็ต้องจัดโรดโชว์เพื่อนำเสนอจุดแข็งของประเทศต่อได้
เศรษฐาเน้นย้ำว่าการเมืองเป็นภาคส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและความมั่นใจของนักลงทุนและประชาชน แต่ก็ยังมีประมาณ 2-3 เรื่องที่ต้องเดินหน้า เช่น คดีต่างๆ จึงอยากให้ “รอดูกันดีกว่า”
เมื่อถามถึงการให้กำลังใจนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน เศรษฐากล่าวว่าได้มีการพูดคุยกันบ้าง แต่เชื่อว่านายกรัฐมนตรีมีกำลังใจเต็มเปี่ยมและสู้เต็มที่อยู่แล้ว
ในส่วนของภาคเศรษฐกิจ เศรษฐาเผยว่าได้รับฟังข้อกังวลเรื่องจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลง ซึ่งเป็นเรื่องน่าห่วง แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ ความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว ที่ต้องได้รับการดูแลอย่างดีเยี่ยม ส่วนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจะเป็นขั้นตอนต่อไป
อดีตนายกฯ ยืนยันว่าจำนวนนักท่องเที่ยวในปีนี้ใกล้เคียงกับปีที่แล้ว หากเปรียบเทียบในช่วงเวลาเดียวกัน และปฏิเสธกระแสว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจีนลดลงเพราะเรื่องกาสิโน เนื่องจากกาสิโนยังไม่เกิดขึ้น พร้อมย้ำว่าสาเหตุหลักคือเรื่องความปลอดภัย ซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องเข้มงวดมากขึ้น โดยยกตัวอย่าง สุขุมวิทโมเดล ที่มีการจัดระเบียบพื้นที่ ทั้งแผงลอยผิดกฎหมาย เซ็กซ์ทอย ยาเสพติด และกัญชา ซึ่งจะขยายผลไปยังพื้นที่อื่นๆ เช่น ท่าแพที่เชียงใหม่ หรือบางลาที่ภูเก็ต
ส่วนกรณีที่นายกรัฐมนตรีถูกหยุดปฏิบัติหน้าที่และมีข้อกังวลว่าจะหลุดจากตำแหน่ง เศรษฐากล่าวว่า “อย่าเพิ่งมองข้ามช็อต” ต้องให้กระบวนการยุติธรรมดำเนินการไปก่อน และเชื่อว่านายกรัฐมนตรีกำลังเตรียมข้อชี้แจง