วันนี้ (15 มีนาคม) เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ร่วมรับฟังการแถลงความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาหนี้สินเงินกู้ของบุคลากรภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐ จำนวน 11 หน่วยงาน โดยมีรัฐมนตรี ประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และตัวแทนสถาบันการเงินของรัฐ ร่วมรับฟังการแถลงจากตัวแทนผู้บัญชาการเหล่าทัพ
ได้แก่ พล.อ. อนุสรรค์ คุ้มอักษร รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด, พล.อ. สวราชย์ แสงผล หัวหน้าคณะนายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชา, พล.อ.อ. ณรงค์ อินทชาติ รองผู้บัญชาการทหารอากาศ, พล.ร.อ. ชลธิศ นาวานุเคราะห์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ, ตัวแทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ, พล.ต.ท. ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผู้บัญชาการสำนักงานกำลัง, ว่าที่ ร.ต. ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน, นิรันดร์ มูลธิดา รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์, นพ.กิตติศักดิ์ อักษรวงศ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข, วิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน (ประธานกรรมการสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ) และ ผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงไทย (ประธานสมาคมธนาคารไทย) ร่วมแถลง
พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ในฐานะรองประธานกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินฯ กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่ามีบุคคลมีหนี้รวมสูงกว่า 16 ล้านล้านบาท เช่น เป็นหนี้สินในระบบ หนี้บ้านเช่า หนี้ซื้อรถยนต์ หนี้บัตรเครดิต และหนี้สินเชื่อพาณิชย์ฯ หลังจากที่นายกรัฐมนตรีสั่งการให้มีมาตรการในการแก้ปัญหา โดยใช้แนวทางกระทรวงศึกษาธิการที่มีมาตรการให้หักเงินเดือนและเหลือดำรงชีพไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 พบว่า มีบุคลากรภาครัฐจำนวน 3.1 ล้านคน เป็นหนี้สถาบัน1,378 แห่ง ลูกหนี้ 2.8 คน มีมูลหนี้ 3.3 ล้านบาท เมื่อมีการดำเนินการตามมาตรการ ถือว่ามีความคืบหน้าตามที่มีข้อสั่งการ
ขณะที่เศรษฐากล่าวมอบนโยบายว่า ขอขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และชื่นชมในความตั้งใจทำงาน ส่วนตัวเชื่อว่าหลายคนอาจจะไม่ได้ประสบปัญหาเยอะแบบเดียวกับข้าราชการอีกหลายแสนคน ข้าราชการเหล่านี้เป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศชาติ แต่ยังมีหนี้สินชักหน้าไม่ถึงหลัง ทำงานเท่าไรก็ไม่พอใช้ดอกเบี้ย ถือเป็นสารตั้งต้นหายนะของประเทศ ต้องขอใช้คำนี้ เพราะไม่ใช่แค่เพียงมีเงินไม่พอ แต่หันไปพึ่งสิ่งที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย เช่น ยาเสพติด เพื่อทำให้จิตใจดีขึ้น สบายใจขึ้น ถือเป็นความเข้าใจผิด หรือไปทุจริตประพฤติมิชอบ เป็นสารตั้งต้นที่ไม่ถูกต้อง
ฉะนั้นการรวมตัวกันในวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขกฎหมายว่าไม่ต้องออกจากราชการ มีเงินใช้ 30% รวมถึงสินเชื่อพิเศษลดดอกเบี้ย ตนเข้าใจว่าหลายหน่วยงานต้องหวังเรื่องการปันผลหรือผลกำไร แม้ว่าแบงก์ชาติจะไม่ลด แต่หน่วยงานช่วยกันลด ก็ขอขอบคุณจากใจจริง และเชื่อว่าข้าราชการในหน่วยงานนั้นก็ขอบคุณเช่นเดียวกัน
เศรษฐายังกล่าวอีกว่า เข้าใจว่าแต่ละหน่วยงานมีเป้าหมายของตัวเอง การที่ต้องเฉือนเนื้อเพื่อลดกำไรถือเป็นเรื่องที่ดี และฝากให้หน่วยงานสหกรณ์เข้ามาร่วมโครงการนี้ให้มากขึ้น ขอให้ทำงานหนักขึ้น เชิญให้เข้ามาอยู่ในระบบให้มากขึ้น เพราะทุกวันนี้หนี้สินเหล่านี้ไม่ได้ลดลงไป แม้ทุกคนที่อยู่ตรงนี้จะมีขีดจำกัดในการทำงาน เพราะเป็นผู้บริหารระดับสูง แต่จะต้องหาวิธีการในการแก้ปัญหา ขอให้ทะเยอทะยานมากขึ้น พยายามช่วยเหลือประชาชนให้มากยิ่งขึ้นไปอีก เชื่อว่าผู้นำเหล่าทัพมีความใกล้ชิดและเข้าใจความลำบากของประชาชนอยู่แล้ว