วันนี้ (9 มิถุนายน) เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย เดินทางเข้าที่ทำการพรรคเพื่อไทย หลังเดินทางกลับจากต่างประเทศ พร้อมระบุว่า วันนี้มารายงานความคืบหน้าด้านเศรษฐกิจให้คณะทำงานด้านเศรษฐกิจของพรรครับทราบ และจะขอคำแนะนำวิธีการทำงานจากผู้ใหญ่ในพรรคว่าทำงานมาถูกทางแล้วหรือไม่ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้า
เศรษฐายังระบุว่า 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ทาบทามตนเองเข้าไปร่วมในคณะทำงาน และตนเองไม่ได้โฟกัสเรื่องคณะทำงานหรือการจัดตั้งรัฐบาล โฟกัสเพียงแค่งานในพรรคเพื่อไทยเท่านั้น แต่ก็จะคอยเป็นกำลังใจให้ เพราะเป็นฝ่ายประชาธิปไตยเหมือนกัน และขออวยพรให้ประสบผลสำเร็จ
ส่วนหากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองกับ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคก้าวไกล เศรษฐาในฐานะที่เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย พร้อมที่จะไปทำหน้าที่หรือไม่ เศรษฐากล่าวว่า ไม่เคยคิด เป็นหน้าที่ของพรรคก้าวไกลที่ต้องเดินหน้า อีกทั้งพรรคก้าวไกลเป็นพรรคอันดับ 1 จึงต้องให้เกียรติพรรคก้าวไกลในการเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาล พร้อมย้ำตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ 8 พรรคจัดตั้งรัฐบาลหรือคณะทำงาน
ขณะที่การรีแบรนด์พรรคเพื่อไทยยังคงเดินหน้าตามขั้นตอน ขอเวลาทำงานสักหน่อย และความจริงก็มีการพัฒนาอยู่ตลอด หากมีความคืบหน้าจะมาแถลงต่อสื่อมวลชนอีกครั้ง ซึ่งหลังกลับจากต่างประเทศก็ถือว่าได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ และพร้อมกลับมาทำงานต่อ
ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทยเตรียมฟ้องกลับ สนธิญา สวัสดี ที่ไปร้องยุบพรรคเพื่อไทย หลังชะลอนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาทนั้น เศรษฐากล่าวว่า ไม่ทราบเรื่องนี้ ขอให้ไปถามฝ่ายกฎหมายของพรรคเพื่อไทย ตนเองเห็นแค่ตามข่าวเท่านั้น
เศรษฐายังกล่าวด้วยว่า ตนไม่ทราบเรื่องที่ครอบครัวชินวัตรเบรก ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีกลับประเทศไทย ขอให้ไปถาม แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย เพราะตนเองมีหน้าที่ทำงานด้านเศรษฐกิจให้กับพรรคเพื่อไทยเท่านั้น
ส่วนที่ครอบครัวชินวัตรบอกว่าแพทองธารยังไม่เหมาะสมนั่งตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในขณะนี้ และสนับสนุนให้เศรษฐาเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น เศรษฐากล่าวว่า แพทองธารมีความเหมาะสม เป็นผู้หญิงที่เก่ง ซึ่งจากการลงพื้นที่ที่ผ่านมาทุกคนก็เห็นผลงานแล้ว และเชื่อว่ามีวุฒิภาวะมากพอ ไม่เช่นนั้นคงไม่ได้การรับรองจากคณะกรรมการบริหารพรรคให้เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย