วันนี้ (17 พฤศจิกายน) ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากที่ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ประกาศความประสงค์ส่งต่อเงินเดือนและเบี้ยประชุมของทุกเดือนให้มูลนิธิต่างๆ ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งนั้น
โดยเงินเดือนประจำตำแหน่งและเบี้ยประชุมในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา (เดือนกันยายน-ตุลาคม) ได้คัดเลือกมูลนิธิเพิ่มเติมอีกจำนวน 4 แห่ง ได้แก่
- มูลนิธิคนพิการไทย นายกฯ มอบเงินจำนวน 50,000 บาท เพื่อสมทบทุนในโครงการ ‘เป็นแขน-ขาให้ตากะยาย’ ผลิตวีลแชร์ เพื่อส่งเสริมกิจกรรมต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อเด็กพิการ คนพิการ และผู้สูงอายุทั่วประเทศ
- มูลนิธิอิสรชน นายกฯ มอบเงินจำนวน 50,000 บาท เพื่อให้ในฐานะที่มูลนิธิเป็นองค์กรพัฒนาเอกชนที่ดำเนินกิจกรรมกับผู้ใช้ชีวิตในที่สาธารณะในประเทศไทย เพื่อดำเนินกิจกรรมช่วยเหลือ การแบ่งปันอาหาร หรือมอบถุงปันสุขให้แก่คนด้อยโอกาสและผู้ยากไร้ในช่วงภาวะวิกฤตเศรษฐกิจ
- มูลนิธิสายธารสุขใจ นายกฯ มอบเงินจำนวน 50,000 บาท เพื่อสมทบทุนในการซื้อข้าวสารอาหารแห้ง และจัดหาสิ่งของที่จำเป็นในการดำรงชีวิตให้กับผู้ชราและคนยากไร้
- มูลนิธิบ้านพระพร นายกฯ มอบเงินจำนวน 50,000 บาท เพื่อเป็นทุนการศึกษาให้แก่เยาวชนผู้พ้นโทษ และเด็กที่พ่อแม่อยู่ในเรือนจำ เพื่อให้ได้รับโอกาสทางการศึกษาและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
ชัยกล่าวต่อว่า นอกจากการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง นายกรัฐมนตรีและคณะของรัฐบาลยังมีการลงพื้นที่เพิ่มเติมในหลายๆ พื้นที่ เช่น จังหวัดยโสธร, จังหวัดอุดรธานี, จังหวัดชลบุรี, จังหวัดระยอง, จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดพิษณุโลก
โดยเข้าไปพบปะพูดคุยกับประชาชนและองค์กรต่างๆ รับฟังปัญหาและความต้องการ เพื่อจะหาแนวทางแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืนต่อไป