วันนี้ (28 สิงหาคม) เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊ก เศรษฐา ทวีสิน – Srettha Thavisin ภายหลังการพูดคุยแลกเปลี่ยนกับบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (AOT) และสายการบิน ร่วมกับแกนนำพรรคเพื่อไทย เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา
เศรษฐาระบุว่า ท่าอากาศยานไทยฯ ได้พูดคุยเรื่องแนวทางการลดคอขวดในฝั่งที่ประเทศไทยเราทำได้ เช่น ความสามารถในการรองรับผู้โดยสาร (Capacity) ของอาคารสนามบิน (Terminal), การตรวจคนเข้าเมือง, การรองรับเที่ยวบินของรันเวย์ (Runway Capacity) ซึ่งแสดงให้เห็นความมุ่งมั่นในการเตรียมความพร้อมรับการท่องเที่ยวที่จะเพิ่มขึ้นแน่นอน
ในส่วนของสายการบินเองก็พร้อมรับนโยบายที่จะอำนวยความสะดวกเรื่องวีซ่า Free Visa เพื่อสนับสนุนให้นักท่องเที่ยวที่จะเข้ามา ส่งสัญญาณในที่ประชุมร่วมกับ AOT ว่าจะสามารถเพิ่มจำนวนไฟลต์ได้อีก 20% เพื่อรับนักท่องเที่ยวทั้งภายในและระหว่างประเทศ
รัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทยมีแผนที่จะโปรโมตการท่องเที่ยวต่างประเทศในปีหน้าด้วย พร้อมส่งเสริมผลักดันให้ไทยมีไฟลต์ที่พร้อมและเพียงพอจริงๆ ซึ่งสายการบินก็ให้สัญญาณที่ดีว่าถ้ามีดีมานด์สายการบินก็จะแข่งขันกันหาเครื่องบินและอื่นๆ มาเพิ่มเติม
“เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการท่องเที่ยวจะเป็นประตูสร้างรายได้ใหญ่ที่เร็วที่สุดให้ประเทศในช่วงไฮซีซันที่กำลังจะมาถึงครับ” เศรษฐาระบุ
อย่างไรก็ตาม มีสายการบินที่ร่วมการหารือในวันนี้ประกอบด้วย
- ดร.กีรติ กิจมานะวัฒน์ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)
- สุทธิพงษ์ คงพูล ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย
- ชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)
- วรเนติ หล้าพระบาง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินไทยเวียตเจ็ท
- สันติสุข คล่องใช้ยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินไทยแอร์เอเชีย
- ธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์
- ชัยยง รัตนาไพศาลสุข รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยสมายล์แอร์เวย์ จำกัด
- พุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
- อัศวิน ยังกีรติวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินไทยไลอ้อนแอร์
- วุฒิภูมิ จุฬางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน)
สำหรับปัญหาที่ผู้ประกอบการสะท้อนมายังนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย เช่น
- การเพิ่มจำนวนเที่ยวบินให้ทันกับฤดูกาลท่องเที่ยวอย่างน้อย 20%
- การเพิ่มศักยภาพเครื่องบินให้ทันกับการปรับเที่ยวบินที่จะเพิ่มขึ้น
- การเพิ่มโอกาสผลักดันนักท่องเที่ยวในตลาดขนาดใหญ่ เช่น จีน อินเดีย ให้มากขึ้น
- การเพิ่มจำนวนเครื่องบินให้มีความเหมาะสมกับการส่งเสริมการท่องเที่ยวของรัฐบาล
อ้างอิง: