วันนี้ (6 กันยายน) เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วย ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ สส. แบบบัญชีรายชื่อ รองเลขาธิการและรักษาการโฆษกพรรคเพื่อไทย ดร.ณหทัย ทิวไผ่งาม คณะทำงานนโยบายด้านการศึกษาพรรคเพื่อไทย ร่วมหารือ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) นำโดย ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ประธานบอร์ด กสศ. และ ดร.ไกรยส ภัทราวาท ผู้จัดการ กสศ. และกรรมการบอร์ด กสศ.
สำหรับข้อเสนอของ กสศ. ได้แก่
- มาตรการบริจาค กสศ. สามารถลดหย่อนภาษีได้ มาตรการเป็นแบบปีต่อปี เสนอให้รัฐบาลดำเนินการต่อเนื่อง
- ประเทศไทยยังมีปัญหา ‘จนข้ามรุ่น’ ส่งผลกระทบต่อเนื่องมาถึงการศึกษา
- ประชากร 20 ล้านคนขาดทักษะ จึงทำให้ยากจน กระทบถึงการเข้าถึงการศึกษา
เศรษฐากล่าวว่า เป็นโอกาสดีที่พรรคเพื่อไทยได้พูดคุยกับ กสศ. โดยมีคณะทำงานด้านการศึกษาโดยตรงมาร่วมรับฟังข้อเสนอแนะ ได้แก่ ดร.ณหทัย ทิวไผ่งาม คณะทำงานนโยบายด้านการศึกษาพรรคเพื่อไทย และ ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ สส. แบบบัญชีรายชื่อ รองเลขาธิการและรักษาการโฆษกพรรคเพื่อไทย ถือเป็นความบังเอิญว่าในปี 2564 ได้มีโอกาสร่วมเวทีเสวนา THE STANDARD ECONOMIC FORUM 2021 โดยมองว่าความยากจนเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างของประเทศ มาตรการทางการเงินจะเป็นส่วนหนึ่งในการนำมาซึ่งความเท่าเทียม และที่ผ่านมามีการด้อยค่าการศึกษา จึงอยากให้ทุกฝ่ายร่วมกันเสนอทางออก
ซึ่งเมื่อครั้งที่ยังทำงานอยู่กับบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ได้มีส่วนช่วยขับเคลื่อนและแก้ไขปัญหาด้านการศึกษา ด้วยการออกหุ้นกู้ระดมทุน 100 ล้านบาท ใช้ในโครงการ ‘Zero Dropout เด็กทุกคนต้องได้เรียน’ สนับสนุนการศึกษาเด็กที่จังหวัดราชบุรี ซึ่งหวังว่าจะมีบริษัทเอกชนที่มีศักยภาพเริ่มต้นดำเนินโครงการในลักษณะเดียวกันนี้เช่นกัน
ทั้งนี้ ในระหว่างการพูดคุยแลกเปลี่ยนกับ กสศ. นั้น เศรษฐาได้หารือกับคณะทำงาน เพื่อพิจารณารายละเอียดความเป็นไปได้ในการที่รัฐบาลจะออกสลากเพื่อการกุศล (สลากเพื่อความเสมอภาค) เพื่อระดมทุนสนับสนุนการศึกษาของไทยด้วย โดยจะมีการหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) กระทรวงการคลัง และสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เร็วๆ นี้
เศรษฐายังกล่าวอีกว่า เห็นด้วยทั้งหมดกับนโยบายที่ กสศ. พยายามทำ วันนี้ในอีกสถานะหนึ่งอาจช่วยได้มากขึ้น เรื่องของสลากการกุศลหรือการบริจาค ขอรับไปพิจารณาดำเนินการ หากทำการระดมทุนได้มาก มั่นใจว่าจะสามารถเพิ่มศักยภาพ กสศ. มากขึ้น ส่วนเรื่องมาตรการด้านภาษี เมื่อมีผู้บริจาคเงินเข้า กสศ. สามารถดำเนินการต่อได้ทันที โดยหลังจากแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีต่อรัฐสภาในวันที่ 11 กันยายน 2566 จะสามารถสั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ทันที ยืนยันสิ่งใดที่สามารถทำได้รวดเร็วจะทำทันที ขณะเดียวกันต้องเข้าไปศึกษาในรายละเอียดของงบประมาณว่ามีมากน้อยเพียงใด แต่ยืนยันว่าการศึกษาเป็นเรื่องสำคัญ ยืนยันจะสนับสนุนอย่างต่อเนื่องในฐานะผู้ควบคุมกำกับดูแล กสศ. อย่างเต็มที่
สำหรับ กสศ. เป็นหน่วยงานที่จัดตั้งขึ้นตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 การบริหารงานเป็นอิสระ มีนายกรัฐมนตรีเป็นผู้กำกับและดูแล คณะกรรมการบริหาร กสศ. กำหนดนโยบายเป้าหมายและแนวทางดำเนินงาน เพื่อช่วยเหลือผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ ด้อยโอกาส ลดความเหลื่อมล้ำด้านการศึกษา